ถูกทุกข้อ: ดอกส้ม-แม่ชี-ตี 10
เรียน คุณสามวา สองศอก ที่รักและนับถือ
ผมเขียน (พิมพ์) จดหมายฉบับนี้ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2554 ซึ่งตรงกับ วันแรงงานแห่งชาติ ในปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์ บางสำนักงานก็ได้หยุด และได้มีโอกาสหยุดชดเชยในวันจันทร์ได้อีก 1 วัน
วันแรงงานปีนี้ ข่าวดูออกจะเงียบเหงา ไม่ครึกโครมเหมือน ก่อนๆ อาจจะเป็นด้วยสาเหตุ 3 ประการ คือ คนตกงานไม่มีงานทำมากมายนับแสนคน ไม่มีเงิน ไม่มีกำลังใจ สิ้นหวัง เลยนอนอยู่กับบ้าน ค่าครองชีพแพงหูดับตับไหม้ (พังเพยนี้ลุงผ่องช่วยกรุณาอธิบายให้หน่อยนะครับ) เงินเดือนน้อยจึงไม่มีเงินเหลือพอที่จะไปเที่ยวให้สนุกสนานอย่างแต่ก่อน ผู้นำแรงงานในหลายๆ สถานที่ ถูกนายทุน "ตอน" สิ้นแรง ไม่มีแรงพูดอีกต่อไปแล้ว
วันแรงงานเป็นวันหยุด วันอาทิตย์เป็นวันที่ผมมักจะใช้เป็นเวลาที่จะออกไปชาร์จแบตเตอรี่ ไปมองธรรมชาติ ต้นไม้ใบหญ้า สีเขียวๆ ไปป่า ภูเขา น้ำตก ทะเล สุขกาย สุขใจ หายใจคล่องขึ้นมาอีกทุกครั้ง
แต่ปีนี้ผมมีโอกาสกลับไปเยือนถิ่นเกิดของผม ที่บ้านบาง ปะหัน พระนครศรีอยุธยา ได้มีโอกาสลงจากถนนเอเชีย ไปในถนนชนบทสายบางปะหัน-บ้านลี่-บ้านนกกระจอก จนถึงวัดประ มุง เดิมชื่อวัดตามุง เพราะคนสร้างชื่อตามุง เป็นเศรษฐีอยู่ที่บ้านบางลี่ สมภารองค์แรกเลยขอชื่อตามุงเอาเป็นชื่อวัด แต่พอถนนเอเชียตัดผ่าน ผมกลับไปบางปะหันปี 2520 วัดตามุงกลายเป็นวัดประมุง ไม่มีความหมายใดๆ เลย เป็นความไม่รู้ของคน ในกรมทางหลวงแผ่นดิน กระทรวงคมนาคมนั่นแหละ
บางปะหันหนนี้มีแต่ความแปลกเปลี่ยน มิเหลือถิ่นเก่าที่เคยเนา ผืนนาเขียวขจีกลายมาเป็นสีน้ำตาลของหลังคาโรงงาน นาที่เหลืออยู่บ้างประปราย ไม่มีคนหนุ่มสาวใส่ใจทำนาต่อมรดกของบรรพบุรุษ ท้องทุ่งที่เคยมีสีดำสีเผือก สลับกันเต็มทุ่งด้วยฝูงควาย ตอนนี้ไม่เห็นแม้แต่ "ขี้ควาย" สักก้อน
ชาวนาเลิกทำนา เพราะน้ำไม่มี ดินเค็ม เพราะน้ำโสโครกจากโรงงาน ปลูกข้าวไม่ขึ้น ทั้งยังมีพวกเศรษฐีล่าซื้อที่เดินเข้าเดินออกหมู่บ้านทุกวัน ไม่ขายวันนี้พรุ่งนี้ก็ต้องตัดใจขาย เพราะราคาที่ดินมันยั่วยวนขึ้นทุกวัน ชาวนาเคยจับแค่เงินพันไม่เคย แตะเงินล้านก็ตาโต โร่ขายสมบัติพ่อแม่ที่อาบเหงื่อต่างน้ำ ถาก ถางนาไร่ที่เป็นมรดกตกเอาไว้ให้ทำกิน ขายไปสิ้นไม่เหลือหลอ
พับนาเป็นกระดาษใส่กระเป๋า เอาไปซื้อรถเก๋ง มอเตอร์ไซค์ วิทยุ โทรทัศน์ บำรุงความสุขเฉพาะหน้า
คำตอบที่ว่าทำไมชาวนาปลูกข้าวเองจึงต้องซื้อข้าวกิน ก็ไอ้เรื่องมีที่ปรากฏอย่างที่ผมเล่ามาให้ฟังนี่แหละ รัฐบาลหลายยุคล้มเหลวในการบริหารด้านเศรษฐกิจของประเทศ เพราะไปยึดเอาผลประโยชน์ส่วนตน ไม่เห็นแก่ประโยชน์ชาติบ้านเมือง ปรับโครงสร้างเกษตรอันเป็นวิญญาณของคนไทย ไปเป็นโครง สร้างอุตสาหกรรมเกือบทั้งหมด
คนไทยเลิกทำนา ไปเป็นลูกจ้างโรงงานอุตสาหกรรมยกครัว ไปเป็นขี้ข้าญี่ปุ่น ฝรั่งมังค่า ไม่มีวิญญาณเหลือเป็นชาติไทย วิญญาณเกษตรกรรมจึงแห้งแล้ง เหมือนคนเป็นวัณโรครอความตาย
ไม่พลิกตัวกลับลำนโยบาย หันมาพัฒนาการเกษตร รื้อโรงงานทิ้ง เอานาคืนให้ชาวนา ชาวไร่ มุ่งสร้างไทยให้เป็นประ เทศอู่ข้าวอู่น้ำในโลกในเร็ววัน ขอขีดเส้นตายให้ว่าอีก 10 ปี คนไทยจะต้องสั่งข้าวกินจากจีน ไต้หวัน และเวียดนาม...จำใส่กะโหลกเอาไว้
จดหมายฉบับนี้อาจจะออกนอกเส้นทาง "เพลง" ไปบ้าง ก็ต้องขอคุณสามวาไว้สักฉบับ เพราะผมไปบางปะหันกลับมา ก็นึกถึงพี่ส่ง (พลตรีบุญส่ง หักฤทธิ์ศึก) คนที่แต่งเพลง "ลูกชาวนา" มาด้วยกัน สมัยท่านยังเป็นสิบตรีอยู่กองพันทหารสื่อ สาร สะพานแดง (ท่านเสียชีวิตไปนานเกือบ 15 ปีแล้ว)
"ฉันเป็นลูกชาวนา เกิดมาในชนบทใหญ่...รอบรู้วิชาเลี้ยงควาย หมั่นเลี้ยงไว้ได้ไถนาคู่กัน..." รวบรัดจบมันดื้อๆ อย่างนี้แหละ ชีวิตมันเศร้าจริงๆ
หันมาทางบันเทิง (ละครโทรทัศน์) สักนิดนะครับ ก็ละครโทรทัศน์เรื่อง "ดอกส้มสีทอง" ของสถานีโทรทัศน์สีช่อง 3 ยุคประวิทย์ มาลีนนท์ นี่แหละ
ผมจะไม่พูดหรือวิจารณ์เกี่ยวกับ "ปัญหา" ของละครเรื่องที่ว่านั่น เพราะเรื่องนี้สังคมก็กำลังวิจารณ์กันวุ่นวายอยู่ กระทรวงวัฒนธรรมไม่รู้หรอกครับ ว่าถ้ามีข่าวซ่าๆ อย่างนี้เท่าไหร่ เรตติ้งของละครทีวีเรื่องนี้มันยิ่งพุ่งขึ้นไปอีก เพราะคนที่ไม่เคยดูก็ชักจะสนใจว่า ละครเรื่องนี้มัน "เลว" ยังไง ถึงต้องกระเทือนไปถึงกระทรวงวัฒนธรรม
การที่เปลี่ยนกรรมการ กบว.กลาง ไปเป็นกรรมการ กบว.ของสถานีเองนั่น ไม่ได้เป็นการสร้างสรรค์อะไรเลย กลับยิ่งซ้ำเติมความไม่เอาไหนของสังคมทีวีบันเทิงมากยิ่งขึ้นไปอีก เพราะรัฐบาลไม่มีช่องทางยับยั้งอะไรได้เลย
เขาจะตัดสินใจเอา ป้าย+13 หรือ +18 ขึ้นจอเอาไว้ห้ามเด็กๆ ใครจะเชื่อ แล้วจะมีพ่อแม่คนไหนที่ดูละครแล้วจะสอนลูกไปด้วย ว่าอย่างนี้ดีหรือไม่ดี มันจะสู้ว่าถ้าเห็นว่ามันไม่ดี ก็ตัดมันออกเสียเลยก็หมดเรื่อง
ถ้าผู้สร้างจะร้องเรียนก็ตั้งกฎว่า เรื่องบนเตียง เรื่องแสดงวาจาสามหาวกับบุพการี จะมีมากน้อยแค่ไหนก่อนการสร้าง ทะเลาะกับกรรมการเสียก่อนมันจะไม่ดียังไง อย่างเรื่องนี้บอกอีก 6 ตอนก็จบแล้ว นี่มันปัดสวะพอพ้นตัว ทำไมไม่พูดว่าแล้วไอ้ที่มันผ่านมาตั้ง 20 กว่าตอนนั่น มันมีอะไรต่อสังคมหรือเปล่า
ทีวีสีช่อง 3 มีเรื่องพิสดารหลายเรื่องที่ผุดผ่านจอออกมา โดยเฉพาะรายการ "ตีสิบ" หวังว่าคุณประวิทย์จะไม่นิ่งนอนใจ ปล่อยให้นายวิทวัสแกเอาช่องไปยำเละนะครับ ลองทบทวนดูว่ารายการนี้ให้อะไรบ้าง ดีกว่าหรือเลวกว่า
ขอพูดอย่างคนที่เคยรับใช้ช่อง 3 มาไม่น้อยกว่า 10 ปี (สมัยประชา มาลีนนท์) ว่าที่พูดเพราะยังรักและอยากจะให้ช่อง 3 เป็นขวัญใจของประชาชนคนไทยตลอดไป
เรื่องที่อยากจะฝากผ่านคุณสามวาไว้อีกเรื่องหนึ่ง ก็คือเรื่องความหลงในใจของผู้คนที่ทุ่มเทให้กับผู้ที่ตนคิดว่า มีความศักดิ์สิทธิ์สามารถจะดลบันดาลอะไร หรือบอกเหตุการณ์อดีต-อนาคตให้กับเราได้ (ทั้งที่เราเองก็ไม่แน่ใจว่าจริง) เพราะเห็นว่าเป็นผู้ที่มีคน บูชายกย่องมากมาย นั่นผมหมายถึงผู้ที่ใช้นามว่า "แม่ชีทศพร" ท่านอาจารย์วิศนุ ท่านบอกผ่านผมมายังคุณสามวาว่า เรื่องที่ ปรากฏนั้นมันเป็นเรื่องโกหกหลอกลวงทั้งเพ เพราะในพุทธศาสนา ไม่มีใครสามารถมาแก้กรรม ลบบาป ออกจากจิตได้
ท่านขอให้ดูเงาตัวเอง มันจะตามติดเราไปทุกหนแห่ง ทุกวัน เวลา ไม่ว่ากลางวันกลางคืน กรรมหรือบาปก็เป็นเช่นนั้น คนเราเวลาหมดหวัง หมดความไว้เนื้อเชื่อใจตัวเอง ก็เหมือนคนกำลังจะจมน้ำ แม้ฟางเส้นเดียวลอยมายังพยายามจะเกาะ ถ้าเรียนรู้ธรรมให้ถึงแก่นไม่ใช่แค่กระพี้ ก็จะสามารถรู้แจ้งและเห็นจริงในปัญหา และสามารถแก้ด้วยตัวเองได้ เชื่อเถอะ
ก่อบจบจดหมายฉบับนี้ ผมขอฝากความขอบพระคุณไปยัง "ลุงผ่อง" ที่ได้กรุณาเก็บวรรคทองในแวดวงวรรณคดีมาฝากผมและเพื่อนๆ สมาชิกคอลัมน์ อ่านแล้วซาบซึ้งและได้ความรู้ ซึ่งผมก็จะเก็บเอาไว้ใช้อ้างอิงในวาระอันสมควรบ้าง และถ้าว่างๆ เก็บวรรคทองได้ครบจำนวน จะส่งมาบอกกันอีกเมื่อไหร่ ก็ขอร้องเชิญชวนไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ
ขอขอบพระคุณคุณสามวาที่ให้ความกรุณาเปิดจอกว้างให้แก่ผมทุกครั้ง จนรู้สึกเกรงใจเพื่อนสมาชิกที่ผมเบียดบังเนื้อ ที่เอาไว้เสียเยอะ แต่บังเอิญผมเป็นคนเขียน (พิมพ์) หนังสือสั้นๆ ไม่เป็นเสียด้วยนั่นแหละครับ จึงขออภัยทุกท่านไว้ ณ ที่นี้ด้วยอย่างยิ่ง และขอขอบคุณคุณสามวาอีกครั้ง ขอบพระคุณครับ
คนไทย หัวใจเพลง
ตอบ คุณคนไทย หัวใจเพลง
ขอให้เขียนมาเถอะครับจดหมาย จะสั้นหรือยาวก็ได้ทั้งนั้น ไม่เหมือนสภาประชาชนที่ต้องเขียนให้พอดีกับเนื้อที่ จนสมาชิกสภาประชาชนส่วนหนึ่งหนีมาเขียนจดหมาย ไม่ยอมอภิปรายในสภา สงสัยต้องรวมคอลัมน์ตอบจดหมายกับสภาประชาชนมาไว้ด้วยกันกระมัง
อาจารย์วิศนุ ทรัพย์สุวรรณ ก็เป็นหนึ่งในสมาชิกสภาประ ชาชนที่หายหน้าไปหลายปีแล้ว ข่าวคราวที่ได้รับส่วนใหญ่ก็มา จากคุณคนไทย หัวใจเพลง หรือว่าอาจารย์วิศนุเลิกติดต่อสื่อ สารกับทุกคน ยกเว้นคนที่รู้ใจอย่างคุณคนไทย หัวใจเพลง
เรื่องที่จะเอาละครหลังข่าวมาสอนเด็กและเยาวชน ผมว่าไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะละครหลังข่าวคือบ่อเงินบ่อทองของสถานีโทรทัศน์ ถ้ากล้าจริงก็ต้องย้ายเวลาละครไปอยู่ช่วงไหนก็ได้ ที่ไม่ใช่หลังข่าวภาคค่ำ
สามวา สองศอก