การละเล่นของเด็กไทย..คุณเคยเล่นกันไหม??
การเล่นเป็นชีวิตจิตใจของเด็ก ไม่มีเด็กคนไหนที่ไม่ชอบเล่นไม่ว่าจะเล่นคนเดียวหรือเล่นกับเพื่อนๆการเล่นและเด็กจึงมีความสัมพันธ์กันอย่างแน่นแฟ้นเด็กที่ไม่รู้จักเล่นหรือไม่ชอบเล่นอาจกล่าวได้ว่าผิดธรรมชาติเป็นเด็กซึ่งไม่สมบูรณ์ทางกายหรือสมอง การเล่นไม่ใช่การใช้เวลาสูญเปล่าแต่เป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ในการส่งเสริมความสามารถทางกายจิตใจและช่วยให้มีมนุษยสัมพันธ์อันดี ซึ่งจะนำไปสู่ความสำเร็จในชิวต ข้อสำคัญอยู่ที่ว่า"เมื่อไรควรเล่น"การเล่นจะให้ประโยชน์อย่างไร แม้ในบางครั้งก็ยังใช้ "การเล่น"เป็นสื่อให้เกิดการเรียนรู้ได้ดีกว่าวิธีอื่น
การเล่นของเด็กไทยก็มีหลายอย่างที่เหมือนกับเด็กชาติอื่นและที่แตกต่างเป็นของไทยโดยเฉพาะก็มีทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติของแต่ละชาติ เช่นการเล่นซ่อนหาในยุโรปก็มีเล่นกันมาก วิธีเล่นอาจแตกต่างกันไปบ้างเล็กน้อยการเล่นของเด็กในเอเชียที่คล้ายกันได้แก่ หมากเก็บในอินเดียวและฟิลิปปินส์ก็มีแต่วัสดุที่นำมาเล่นต่างกัน ดังนี้เป็นต้น
การละเล่นของเด็กไทยที่จะนำมากล่าวถึงจะเป็นเพียงตัวอย่างที่เลือกมาจากที่เล่นกันอยู่ในสมัยโบราณ การเล่นบางอย่างยังยืนยงมาถึงปัจจุบันบางอย่างก็หมดไปด้วยเหตุที่วัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาแทนที่ การเล่นแบบเดิมนี้จึงควรอนุรักษ์ไว้เป็นสมบัติวัฒนธรรมของไทยให้เด็กรุ่นหลังได้รู้จักและเพื่อศึกษา ลักษณะสังคมไทย
จ้ำจี้
เป็นการเล่นที่ง่ายมาก ต้องการเพียงมือหลายๆมือ
มาวางเข้าวงกัน กี่คนก็ได้ (อย่างน้อย ก็สองคน) แล้วก็นับนิ้วไป
โดยท่องบนของจ้ำจี้ไปทีละมือ มาจบที่มือใคร
คนนั้นต้องชักมือของตนออก คนสุดท้ายที่มีมือเหลืออยู่เป็นผู้ชนะ
บทจ้ำจี้มีหลายบท ฟังดูน่ารัก และน่าขบขัน
จ้ำจี้เม็ดขนุน
จ้ำจี้เม็ดขนุนผู้ใดมีบุญได้กินสำรับ
ผู้ใดสับปลับ กินรางหมาเน่า ส้มมะลิ้น
ส้มมะแป้น มะปรางออกดอก มะกอกออกฝัก
ผัวไม่รัก จะโทษเอาใคร
จ้ำจี้ดอกเข็ม
จ้ำจี้ดอกเข็ม มาเล็มดอกหมาก เป็นครกเป็นสาก
ให้แม่ยายตำข้าว เป็นน้ำเต้า ให้แม่ยายเลียงซด
เป็นชะมด ให้แม่ยายฝนทา เป็นดอกจำปา
ให้แม่ยายเด็ดทัด เป็นไม้กลัด ให้แม่ยายเสียบผม
เป็นอ้ายพรม เขาชกหัวใช้ เป็นอ้ายไหม
เขาขายหัวกิน เป็นอ้ายอิน เขากินหัวเสีย
|
จ้ำจี้มะเขือเปราะ
จ้ำจี้มะเขือเปราะ กะเทาะหน้าแว่น พายเรืออกแอ่น
กะแท่นต้นกุ่ม สาวสาวหนุ่มหนุ่ม ดีเนื้อดีใจ
ขดด้ายขอไหม เย็บผ้ายายชี เขาโห่กาลี
เขาตีโมงครุ่ม ขยุ้มหน้ากลอง นางสายบัวทอง
อาบน้ำท่าไหน อาบน้ำท่าวัด เอาแป้งไหนผัด
เอากระจกไหนส่อง เยี่ยมเยี่ยมมองมอง เจ้าขุนทองร้องเน้อ
|
อีตัก ........
การเล่นที่นำเมล็ดผลไม้มาใช้ได้ และสนุก ที่นิยมก็มี เม็ดน้อยหน่ากับเม็ดมะขาม
เด็ก ๆ มักเก็บไว้เป็นกล่อง ๆ ถือเป็นสมบัติมีค่า เหมือนเงินทอง ก็ไม่ปาน
เวลาเล่น ก็จะเอามา รวมกัน ขีดวงเข้า แล้วทำตัวที่ตัก คือใช้กระดาษแข็งสี่เหลี่ยม
จับขอบสองข้าง ห่อชนกันให้จับ ถนัดมือ เวลาเล่นก็โปรยเม็ดลงไปในวง แล้วผลัดกันตัก
โดยเริ่มจาก 1 เม็ด ตกลงกันว่า ตักทีละ 1 เม็ดให้มากที่สุดหรือให้หมดวง
โดยไม่ให้เม็ดที่อยู่ใกล้ หรือเกาะกลุ่มกันอยู่ ขยับ เขยื้อน ถ้าเขยื้อนถือว่าตาย
คนที่รอก็จะได้เล่นต่อไป ใครได้มากที่สุดตอนจบ ก็เป็น ผู้ชนะ
และได้เม็ดนั้น เป็นสมบัติของตนต่อไป
|
เสือตกถัง
เล่นกันสองคน ใช้กระดาษหนึ่งแผ่นเขียนรูปกากบาท มีถังอยู่มุมหนึ่ง (ทางด้านขวาล่างสุด)
เช่นตำแหน่ง ก อยู่บนและล่าง ส่วน ข อยู่ ตำแหน่งซ้ายและขวา หรือ ตำแหน่ง ก อยู่ซ้ายและตรงกลาง ส่วน ข อยู่ ตำแหน่งบนและด้านขวา (คือตำแหน่งที่จนมุม)
มีหลัก อยู่ที่มุม 4 มุม ใช้เบี้ยคนละสองตัว เริ่มโดยวางเบี้ยของทั้งคู่ลงที่ปลายเส้น ทั้งสี่ โดยเจ้าของเบี้ย ต้องวางปลายเส้นเดียวกัน แล้วเริ่มต้น การเดิน สามารถเดิน จากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งได้ 5 จุด นับจุดตัดกลาง และเดินทแยงมุมได้ ยกเว้น ถ้าโดนไล่มาจนต้อง ข้ามถัง ถือว่า ต้องตกถัง ถือเป็นผู้แพ้ไป
|
อ้ายเข้อ้ายโขง
………เด็ก ๆ ชอบเล่นกันเพราะเหมือนไล่จับ แต่สนุก เพราะได้สมมติเรื่องเหมือนการผจญภัย ให้คนหนึ่งเป็นอ้ายเข้ อยู่กลางแม่น้ำ ซึ่งกำหนดโดย ขีดเส้นแบ่งไว้เป็นฝั่ง 2 ข้าง คนอื่น ๆ อยู่บนฝั่งและพยายาม ว่ายเข้าฝั่ง โดยไม่ให้อ้ายเข้จับกิน คนที่ว่ายน้ำ ก็มักวิ่งไปมา ทำท่าว่ายน้ำไป เป็นที่เฮฮา ใครโดนอ้ายเข้แตะตัว ต้องเป็นอ้ายเข้แทน คนบนบกก็คอยร้อง ล่อหลอก แหย่อ้ายเข้ เป็นคำร้อง ความว่า “อ้ายเข้อ้ายโขง อยู่ในโพรงไม้สัก อ้ายเข้ฟันหัก กัดคนไม่เข้า”
|
เสือข้ามห้วย
การเล่นที่ช่วยฝึกการกระโดด และคะเนระยะด้วยสายตา อุปกรณ์ ก็ใช้อวัยวะ ของตนนั้นเอง คนเล่นคนหนึ่งนั่งราบลง เป็นห้วย ยืดขาออกมา ให้คนอื่น ๆ สมมติว่าเป็นบรรดาเสือ เข้าแถว กระโดดข้ามทีละคน แล้วต่อสูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการซ้อนขาขึ้น ต่อขึ้นอีกข้าง แล้วเพิ่มเป็นแขนทีละข้าง ใครกระโดดไม่ได้ หรือข้ามไม่พ้น หรือข้ามแต่โดนตัวคนนั่ง ต้องมาเป็นห้วยแทน ถ้าต่อแขนขาหมดแล้ว ยังมีคนไม่แพ้ ก็ต้องใช้ตัวก้มลงหมอบ แล้วก็โก้งโค้ง สูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยคนเล่นเป็นห้วยมักจะหาทางกีดกัน ไม่ให้พวกที่เป็นเสือ ข้ามตัวเองไปได้
|
งูกินหาง
เลือกผู้เล่นเป็นพ่องูคนหนึ่ง กับแม่งูคนหนึ่ง ส่วนมากมักจะเลือกแม่งูที่รูปร่างใหญ่ แข็งแรง กว่าเพื่อน เพื่อที่จะปกป้องคนอื่น ๆ ซึ่งจะเกาะเอวแม่งูต่อแถวยาวเป็นลูกงู พ่องูจะยืน หันหน้า เข้ามาแม่งู ถามคำถามเป็นบทร้อง เพื่อหาทาง หลอกล่อจับเอาลูกงูให้ได้ โดยถามว่า
พ่องู แม่งูเอ๋ย
แม่งู เอ๋ย
พ่องู กินน้ำบ่อไหน
แม่งู กินน้ำบ่อโศก
ลูกๆ งูก็จะต่อคำว่า โยกไป ก็โยกมา (แล้วทั้งแถวก็จะทำท่า โยกตัวไปมาพร้อม ๆ กัน)
พ่องูถามต่อ แม่งูเอ๋ย
แม่งู เอ๋ย
พ่องู กินน้ำบ่อไหน
แม่งู กินน้ำบ่อทราย
ลูกงูจะต่อคำว่า ย้ายไป ก็ย้ายมา (ว่าพลางทุกคนในแถว ก็ย้ายตัวไปมา)
พ่องูถามต่อ แม่งูเอ๋ย
แม่งู เอ๋ย
พ่องู กินน้ำบ่อไหน
แม่งู กินน้ำบ่อหิน
ลูก ๆงูก็จะต่อคำว่า บินไป ก็บินมา (ทั้งแถวก็กางแขนกระพือ ทำเหมือนนกบิน แล้วจับเอวต่อกันใหม่)
แม่งูถามว่า กินหัวกินหาง
พ่องูตอบว่า กินกลางตลอดตัว
……...แล้วพ่องูไล่จับลูกงูทันที แม่งูจะคอยกางมือวิ่งไปกัน พ่องูต้อง วิ่งลดเลี้ยวไปพยายามดึงลูกงู ให้หลุดจากแถวมาให้ได้ ลูกงูจะวิ่งหนีกันจ้าละหวั่นจนแถวคดเคี้ยว เหมือนงูเลื้อย น่าดูมาก ทุกคนต้องพยายามจับเอวกันอย่าให้แถวขาด พ่องูก็พยายาม จับลูกงูให้ได้หมด ใครถูกจับออกจากแถว ถือว่าถูกกินบางทีก็มีการ สอบถามเพิ่มเติม ระหว่างพ่องูกับลูกงูที่ถูกจับ (เพื่อให้สนุก) อีกดังนี้ว่า
พ่องู จะอยู่กับพ่อหรืออยู่กับแม่
ลูกงู อยู่กับแม่ ถ้าตอบอย่างนี้ พ่องูจะตอบว่า
พ่องู ลอยแพไป หมายความว่า ชะตาชีวิตลูกงูตัวนั้น ก็ซัดเซพเนจรไป
ถ้าตอบว่า
ลูกงู อยู่กับพ่อ
พ่องูจะว่า อยู่กับพ่อหักคอจิ้มน้ำพริก แล้วพ่องูก็ทำท่าหักคอ แปลว่าลูกงูตัวนั้น ก็ไม่รอดทั้งขึ้นทั้งล่อง
มอญซ่อนผ้า
ผู้เล่นนั่งเป็นวงกลม คนที่เป็นมอญ จะมีผ้าผืนหนึ่ง ถือซ่อนไว้ แล้วเดินไปรอบ ๆ นอกของวง ตามเพลงที่ช่วยกันร้องว่า
“มอญซ่อนผ้า ตุ๊กตาอยู่ข้างหลัง
ไว้โน่นไว้นี่ ฉันจะตีก้นเธอ”
ขณะที่เดินไปรอบ ๆ วงนี้ มอญจะแอบหย่อนผ้าไว้ ข้างหลังคนใดคนหนึ่งในวง โดยพยายาม ไม่ให้เจ้าตัวรู้ คนเล่นในวงก็ห้ามหันไปมองข้างหลัง นอกจาก จะคอยคลำ ๆ ดู ถ้ามอญเดินวนกลับมา แล้วเจ้าตัวยังไม่รู้เรื่อง มอญจะหยิบผ้านั้น ขึ้นมาไล่ตี ซึ่งคนนั้น ก็ต้องเป็นมอญต่อไป แต่ถ้า พอมอญวางผ้าแล้ว เจ้าตัวรู้ตัว ก็ต้องหยิบผ้า ไปไล่ตีมอญแทน ผลก็คือมอญต้องทำหน้าที่มอญต่อไปอีก จนกว่าจะหาคนมาเป็นแทน
|
รีรีข้าวสาร
เล่นหลาย ๆ คนยิ่งสนุก คนเล่น 2 คน ยกมือขึ้นจับกันไว้ ชูขึ้น เหมือนโค้งประตู คนอื่น ๆ จะเข้าแถว แล้วเดินลอดไปเรื่อยๆ ขณะที่คนเล่น 2 คนร้องว่า
“รีรีข้าวสาร สองทะนานข้าวเปลือก
เลือกท้องใบลาน คดข้าวใส่จาน
เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน พานเอาคนข้างหลังไว้”
พอถึงประโยคสุดท้าย คนเล่นจะเอามือที่จับกันไว้ ลดลงกักตัว คนที่ลอดผ่านมา ซึ่งจะถูกคัดออกไป คนเล่นจึงต้องคอยระวังตัว ไม่ให้ถูกพานเอาตัวไว้ คนที่ชูแขนอยู่ ก็แกล้งร้องเพลงหลอกล่อ ช้าบ้างเร็วบ้าง ให้คนลอดตายใจ พอเพลงร้องถึง ประโยคสุดท้าย อย่างรวดเร็ว แล้วก็รีบคล้องตัวไว้ ปุบปับทันที
|