สอท.หนุนขึ้นค่าจ้างแรงงานฝีมือ รับมือหลังเปิดเสรีAEC ป้องกันเกิดสมองไหล
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เปิดเผยว่า จากนโยบายการบังคับใช้อัตราค่าจ้างมาตรฐานฝีมือแรงงานใน 22 สาขา ของกระทรวงแรงงาน ที่เตรียมจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กำหนดให้นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างแรงงานฝีมือเฉลี่ยวันละไม่ต่ำกว่า 250-690 บาทต่อวัน จะส่งผลดีต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมไทยในอนาคต เพราะจะป้องกันไม่ให้แรงงานประเภทฝีมือถูกดึงไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 ซึ่งจะมีการเคลื่อนย้ายแรงงานได้อย่างเสรี
"ในอนาคตการแย่งชิงแรงงานประเภทฝืมือ โดยการใช้ค่าจ้างที่ถูก เนื่องจากกลุ่มทุนต่างๆ จะเข้ามาขยายการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมในอาเซียนมากขึ้น เพื่อรองรับตลาดสินค้าที่มีผู้บริโภครวมกัน 600 ล้านคน หากไม่มีการขึ้นค่าแรงงานในกลุ่มนี้บ้าง ก็จะเสี่ยงต่อการถูกซื้อตัวอย่างมาก โดยเฉพาะสิงคโปร์และมาเลเซีย บางบริษัทค่าจ้างสูงกว่าไทยมาก ประกอบกับแนวโน้มการใช้เครื่องจักรและเทคโนโลยีในการผลิตที่มากขึ้น ทำให้ต้องพัฒนาฝีมือแรงงานและเพิ่มค่าจ้างแรงงานด้วย"นายพยุงศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ภาคอุตสาหกรรมเห็นด้วยที่จะขึ้นค่าจ้างแก่แรงงานกลุ่มประเภทฝีมือในระดับสูงเพราะมองว่าเป็นการทำงานที่คุ้มค่า และสมเหตุสมผล ต่างจากกรณีที่มีการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 8-17 บาทต่อวัน ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อในวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมานั้น ถือว่าที่สูงเกินความเป็นจริง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากระทรวงแรงงานเตรียมเสนอการบังคับใช้อัตราค่าจ้างมาตรฐานฝีมือแรงงานใน 22 สาขาอาชีพ ให้ที่ประชุมครม.พิจารณาตามข้อเสนอของอนุกรรมการค่าจ้างกลางที่ได้หารือกับนายจ้างและผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มรายได้แก่แรงงานที่สามารถยกระดับคุณภาพการทำงานให้อยู่ในระดับมาตรฐาน โดยค่าจ้างแรงงานฝีมือจะแบ่งเป็น 3 ระดับ มีรายได้เฉลี่ยไม่ต่ำกว่าวันละ 250-690 บาท
โดยหลังจากที่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับตามกฎหมายแล้ว นายจ้างรายใดฝ่าฝืนไม่จ่ายค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงานที่ลูกจ้างได้รับ จะมีอัตราโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
"ความรู้สึกของผู้ประกอบการหากรัฐบาลขึ้นค่าแรงที่มีฝีมือ จะแตกต่างจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เพราะแรงงานฝีมือนั้นจะมีความคุ้มค่ากับงานที่ทำ และสอดคล้องกับความจริง รวมถึงเป็นการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ส่วนการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำช่สงที่ผ่านมา เป็นการดำเนินการที่ไม่สมเหตุผล แต่เป็นเพียงการหาเสียงหวังชนะการเลือกตั้งของรัฐบาลแล้วโยนภาระให้เอกชน"นายพยุงศักดิ์ กล่าว