31 แรงงานไทยในลิเบีย กลับถึงสุวรรณภูมิ เช้านี้
มีรายงานข่าวว่า ในเวลา 08.45 น. แรงงานไทย ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศลิเบีย จำนวน 31 คน มีกำหนดเดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในเวลา 08.45 น. ซึ่งเดินทางจากกรุงเอเธน ประเทศกรีซ โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 974
ชะตากรรมแรงงานไทยหลังลี้ภัยสงครามลิเบีย
เหตุการณ์นองเลือดจากการปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วงของรัฐบาลประเทศลิเบีย ส่งผลกระทบต่อแรงงานไทยนับหมื่นคนที่ต้องอพยพหนีตายออกจากประเทศลิเบียให้เร็วที่สุด ขณะนี้รัฐบาลไทยกำลังยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในด้านการเคลื่อนย้ายคนงานเดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย โดยกระทรวงแรงงานและกระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง ซึ่งไม่เพียงแต่จะต้องจัดหายานพาหนะนำพาคนไทยหลบภัยสงครามเท่านั้น หากยังจะต้องดูแลเหล่าแรงงานไม่ให้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบนายจ้างและบริษัทจัดหางาน ทันทีที่พวกเขามาถึงแผ่นดินถิ่นเกิดอีกด้วย
เป็นที่ทราบกันดีว่า แรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศ ส่วนใหญ่มีภูมิลำเนาอยู่ในภาคเหนือและภาคอีสาน กว่าที่จะได้รับโอกาสไปขุดทองต่างแดนนั้น ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้บริษัทจัดหางานและนายหน้าเป็นเงินจำนวนมากตั้งแต่ 50,000-80,000 บาท ขึ้นอยู่กับสัญญาจ้างงานว่าจะได้ทำงานกี่ปี อีกทั้งคนเหล่านี้มีฐานะยากจน หลายรายต้องขายที่นาหรือทรัพย์สินต่างๆ เพื่อนำไปจ่ายให้บริษัทจัดหางาน เมื่อเดินทางไปถึงประเทศปลายทางแล้ว ยังไม่ทันที่จะได้ทำงานหาเงินส่งครอบครัว ก็ต้องเจอสารพัดปัญหาที่ทำให้คนงานต้องหมดเนื้อหมดตัวกลับบ้าน
สำหรับกรณีประเทศลิเบียที่คนงานไทยต้องกลับบ้านก่อนครบสัญญาจ้างงาน นายจีรศักดิ์ สุคนธชาติ อธิบดีกรมการจัดหางาน บอกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ถือว่าไม่ใช่ความผิดของนายจ้างที่ประเทศลิเบียและบริษัทจัดหางานที่จัดส่งแรงงานไทยไปต่างประเทศ ถือเป็นเรื่องสุดวิสัย ดังนั้นการดูแลคนงานไม่ให้เสียผลประโยชน์ ทางกรมการจัดหางานก็จะเจรจากับบริษัทจัดหางานให้ช่วยเหลือคนงานอย่างเต็มที่ อาจจะมีการคืนเงินบางส่วนให้คนงาน ทั้งนี้ เป็นไปตามสัญญาจ้างงาน
"มีบริษัทจัดหางานรายหนึ่งที่ส่งคนงานไทยไปลิเบีย 6,000 คน ประกาศผ่านทางสื่อชัดเจนว่า ยินดีที่จะสำรองจ่ายเงินชดเชยให้คนงานล่วงหน้าก่อน แล้วค่อยไปไล่เบี้ยเก็บเงินคืนกับนายจ้างภายหลัง ซึ่งถือเป็นเรื่องดี แต่สิ่งที่น่าห่วงคือ ช่วงนี้อยู่ในภาวะสงครามอาจจะทำให้นายจ้างที่ลิเบียเบี้ยวสัญญาได้" อธิบดีกรมการจัดหางานเผยนายจีรศักดิ์กล่าวอีกว่า แรงงานไทยเริ่มเดินทางไปลิเบีย
นายจีรศักดิ์กล่าวอีกว่า แรงงานไทยเริ่มเดินทางไปลิเบียตั้งแต่ปี 2550 มีจำนวนประมาณ 23,000 คน แต่ตัวเลขล่าสุดอย่างไม่เป็นทางการพบว่า มีประมาณ 14,000 คน เนื่องจากมีคนงานบางส่วนเดินทางกลับประเทศไทยแล้ว เพราะหมดสัญญาจ้างงาน ส่วนตัวเลขบริษัทจัดหางานที่ส่งคนงานไปลิเบียมี 42 บริษัท ซึ่งนำคนไทยไปทำงานก่อสร้าง ประเทศลิเบียมีโครงการก่อสร้างมากมาย และเป็นตลาดแรงงานขนาดใหญ่ที่จะขยายตัวได้อีกมาก
"สำหรับนายจ้างที่ประเทศลิเบีย มีทั้งชาวแคนาดาและยุโรปที่ไปลงทุนก่อสร้าง นายจ้างกลุ่มนี้มีมาตรฐานสูง และเชื่อว่าแรงงานไทยจะไม่เสียประโยชน์จากการลี้ภัยสงคราม แต่ผมเป็นห่วงนายจ้างชาวลิเบียที่อาจจะติดต่อขอความช่วยเหลือคนงานได้ลำบากมากขึ้น" นายจีรศักดิ์กล่าว และว่า การช่วยเหลือในเบื้องต้นเมื่อแรงงานไทยกลับมาแล้ว ก็จะให้แจ้งเรื่องขอความช่วยเหลือเพื่อติดต่อบริษัทจัดหางาน สำหรับผู้ที่เป็นสมาชิกกองทุนแรงงานไทยไปต่างประเทศ ก็จะได้รับเงินชดเชยรายละ 15,000 บาท
ส่วนการช่วยเหลือแรงงานไทยที่อยู่ระหว่างเดินทางกลับ ล่าสุดกรมการจัดหางานได้ตั้งศูนย์ช่วยเหลือที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อรองรับแรงงานไทยที่กลับจากประเทศลิเบีย ในวันที่ 26 ก.พ.นี้ โดยตั้งโต๊ะรับเรื่องราวร้องทุกข์ เพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ ส่วนค่าใช้จ่ายในการเดินทางกลับทั้งทางเรือและเครื่องบิน บริษัทจัดหางานจะเป็นผู้รับผิดชอบ
กรมการจัดหางานยังได้จัดรถตู้ 3 คัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับแรงงานในการเดินทางไปสถานีขนส่งต่างๆ เพื่อกลับภูมิลำเนา แต่หากยังไม่มีความประสงค์จะเดินทางกลับในทันที ก็จะให้แรงงานเข้าพักที่ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานภาค 1 จังหวัดสมุทรปราการ เป็นเวลา 1 คืน ส่วนเงินชดเชยจากกองทุนแรงงานไทยไปต่างประเทศ สำหรับกรณีเสี่ยงภัย แรงงานสามารถติดต่อขอรับเงินชดเชยได้ที่สำนักงานจัดหางานแต่ละจังหวัด ภายใน 1 สัปดาห์
ด้าน นายสุพจน์ บุญเจริญ ผู้อำนวยการกองตรวจและคุ้มครองคนหางาน กรมการจัดหางาน ระบุว่า ค่าใช้จ่ายในการเดินทางกลับของแรงงานไทยจากลิเบีย ถือเป็นความรับผิดชอบของนายจ้างและบริษัทจัดหางาน ส่วนเมื่อกลับมาแล้วก็จะได้รับความช่วยเหลือในการดูแลสัญญาจ้างงาน ซึ่งบริษัทจัดหางานต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน 2528 โดยกำหนดให้นายจ้างจ่ายเงินคืนแรงงานหากมีเหตุจำเป็นต้องเดินทางกลับโดยไม่ถือว่าผิดสัญญา กรณีนี้จะเจรจาให้บริษัทจัดหางานจ่ายเงินก่อนแล้วค่อยไปเก็บกับนายจ้างที่ลิเบีย แต่ถ้าแรงงานไทยจะกลับไปทำงานที่ลิเบียอีกหากสถานการณ์สงบลง ก็ต้องเจรจากับบริษัทจัดหางานอีกครั้ง
ล่าสุด นายจักรกฤษณ์ สุวรรณสาร จากบริษัทจัดหางาน เงินและทองพัฒนา จำกัด ที่จัดส่งคนงานไทย 6,000 คน ไปทำงานเป็นลูกจ้างบริษัท SNC LAVALIN แจ้งว่า แม้แรงงานทำงานไม่ครบตามสัญญา บริษัทยินดีที่จะจ่ายเงินคืนให้ตามสัดส่วนเวลาที่เหลืออยู่ เช่น หากจ่ายเงินไปทำงาน 60,000 บาท ในระยะเวลา 3 ปี แต่ทำงานได้ 1 ปี ก็จะคืนเงินให้ 40,000 บาท
แนวทางการช่วยเหลือแรงงานไทยจะเป็นไปตามคำกล่าวของภาครัฐหรือไม่ ก็คงต้องช่วยกันติดตามและตรวจสอบต่อไป เพื่อไม่ให้ชะตากรรมแรงงานไทยที่ตกระกำลำบากในต่างแดนต้องมาถูกลอยแพให้เจ็บปวดระลอกสองในบ้านเกิดเมืองนอน.