ReadyPlanet.com
dot dot
dot
ชมรมบริหารงานบุคคล
dot
bulletสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย
bulletชมรมบริหารงานบุคคล
bulletชมรมบริหารงานบุคคล อยุธยา
bulletชมรมบริหารงานบุคคลรังสิต
bulletชมรมผู้บริหารงานบุคคล อมตะนคร
bulletสมาคมการบริหารงานบุคคล (PAAs)
bulletชมรมบริหารงานบุคคลบางพลี
bulletชมรมนักบริหารงานบุคคลพัทยา
bulletชมรมบริหารงานบุคคลยุคใหม่
bulletชมรมผู้บริหารงานบุคคลจังหวัดราชบุรี
bulletงานบริหารงานบุคคล
bulletชมรมงานบริหารงานบุคคลกรุงเทพฯ
bulletชมรมบริหารงานบุคลสุขสวัสดิ์
dot
ติดต่อราชการศาล
dot
bulletศาลแรงงานกลาง
bulletศาลแรงงานภาค ๒
bulletศาลยุติธรรม
bulletศาลปกครอง
bulletศาลรัฐธรมนูญ
bulletสำนักงานอัยการสูงสุด
bulletกระทรวงยุติธรรม
bulletคณะกรรมการกฤษฎีกา
bulletกรมบังคับคดี
bulletสภาทนายความ
dot
หน่วยงานราชการสำคัญ
dot
bulletกระทรวงแรงงาน
bulletกรมการจัดหางาน
bulletกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
bulletกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
bulletสำนักงานประกันสังคม
bulletกรมสรรพากร
bulletกรมบัญชีกลาง
bulletกรมพัฒนาธุรกิจกาค้า
bulletกระทรวงอุตสาหกรรม
bulletกรมโรงงานอุตสาหกรรม
bulletกรมส่งเสริมอุตสาหรม
bulletการนิคมอุตสาหกรรม
dot
ลิ้งค์เพื่อนบ้าน
dot
bulletสมบัติลีกัล
bulletเอกเซลสำหรับงาน HR โดย อ.สำเริง
bulletบทความดี ๆ จากโกป้อม
dot
อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ
dot
dot
Newsletter

dot


พยากรณ์อากาศวันนี้
..................................


ราคาน้ำมันวันนี้
..................................



ลักษณะงานที่ไม่อาจกำหนดเวลาทำงานที่แน่นอนได้ article

 

ฎีกา 2557 – 2559 /2552
 
 
ลักษณะงานที่ไม่อาจกำหนดเวลาทำงานที่แน่นอนได้
                                คดีทั้งสามสำนวนนี้ศาลแรงงานกลางสั่งให้รวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกันโดยให้เรียกโจทก์ทั้งสามสำนวนว่า โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 3 ตามลำดับ และให้เรียกจำเลยทั้งสามสำนวนว่าจำเลย
 
 
 
                                โจทก์ทั้งสามฟ้องเป็นใจความอย่างเดียวกันว่า โจทก์ทั้งสามทำงานเป็นลูกจ้างของบริษัทการ์ดิเนีย ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) จำกัด ครั้งสุดท้ายโจทก์ทั้งสามทำหน้าที่พนักงานขายโดยโจทก์ที่ 1 ได้รับค่าจ้างเดือนละ 5,520 บาท โจทก์ที่ 2 ได้รับค่าจ้างเดือนละ 9,500 บาท และโจทก์ที่ 3 ได้รับค่าจ้างเดือนละ 5,500 บาท กำหนดจ่ายค่าจ้างทุกวันที่ 10 และวันที่ 25 ของทุกๆเดือน จำเลยเป็นพนักงานตรวจแรงงาน สำนักงานสวัสดิการคุ้มครองแรงงานจังหวัดปทุมธานี โจทก์ทั้งสามยื่นคำร้องต่อจำเลยว่าบริษัทนายจ้างสั่งให้โจทก์ทั้งสามทำงานล่วงเวลาแต่ไม่จ่ายค่าล่วงเวลาให้จำเลยพิจารณาพยานหลักฐานแล้วมีคำสั่งที่ 4/2549 ลงวันที่ 26 มกราคม 2549 ว่าลักษณะการทำงานของโจทก์ทั้งสามต้องไปทำงานนอกสถานที่ไม่สามารถกำหนดเวลาทำงานที่แน่นอนได้จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าล่วงเวลา โจทก์ทั้งสามเห็นว่าคำสั่งของจำเลยไม่ถูกต้องและไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากงานที่โจทก์ทั้งสามทำ เป็นงานที่ต้องเริ่มต้นโดยโจทก์ทั้งสามต้องตอกบัตรลงเวลาเข้าทำงานเวลา 5 นาฬิกา แล้วนำสินค้าขึ้นรถเพื่อไปส่งตามร้านค้าต่างๆ จากนั้นโจทก์ทั้งสามก็จะกลับไปที่บริษัทนายจ้าง ในแต่ละวันงานจะเสร็จช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร การทำงานให้บริษัทนายจ้างส่วนที่เกินแปดชั่วโมงต่อวันจึงมีสิทธิได้รับค่าล่วงเวลาตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 61 และ 63 ขอให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่ 4/2549 ลงวันที่ 26 มกราคม 2549 
 
 
                                จำเลยให้การว่า คำสั่งพนักงานตรวจแรงงานชอบด้วยกฎหมายแล้วเนื่องจากจำเลยได้พิจารณาพยานหลักฐานของโจทก์ทั้งสามและของบริษัทการ์ดิเนีย ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) จำกัด นายจ้างของโจทก์ทั้งสามแล้ว พิเคราะห์ได้ว่า บริษัทนายจ้างของโจทก์ทั้งสามซึ่งประกอบกิจการผลิตขนมปังได้จ้างโจทก์ทั้งสามเป็นลูกจ้างทำหน้าที่ต่างๆ กันโดยโจทก์ที่ 1 ทำหน้าที่หัวหน้าพนักงานขายเขต โจทก์ที่ 2 ทำหน้าที่พนักงานขายและเก็บเงิน และโจทก์ที่ 3 ทำหน้าที่พนักงานขับรถ โจทก์ทั้งสามต้องไปรับสินค้า (ขนมปัง) ไปส่งให้แก่ลูกค้าตามเขตรับผิดชอบของแต่ละคนพร้อมกับเก็บเงินให้แก่บริษัทนายจ้างซึ่งงานของโจทก์ทั้งสามมีลักษณะที่ต้องออกไปทำงานนอกสถานที่ไม่สามารถกำหนดเวลาทำงานที่แน่นอนได้ โจทก์ทั้งสามจึงไม่มีสิทธิได้รับค่าล่วงเวลา ทั้งนี้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 65 (6) ขอให้ยกฟ้อง
 
 
 
                                ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ทั้งสามทำงานเป็นลูกจ้างของบริษัทการ์ดิเนีย ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยโจทก์ที่ 1 และที่ 3 ทำหน้าที่หัวหน้าพนักงานขาย โจทก์ที่ 2 ทำหน้าที่พนักงานขาย ลักษณะการทำงานของโจทก์ทั้งสามเป็นการทำงานนอกสถานที่ของบริษัทนายจ้าง กล่าวคือ โจทก์ทั้งสามจะต้องไปรับสินค้า(ขนมปัง) ที่บริษัทนายจ้างแล้วนำสินค้าไปส่งให้แก่ลูกค้าตามเขตพื้นที่ของโจทก์แต่ละคนพร้อมกับเก็บเงินค่าสินค้าจากลูกค้ามาให้แก่บริษัทนายจ้าง ซึ่งบริษัทนายจ้างไม่สามารถควบคุมดูแลและกำหนดเวลาทำงานที่แน่นอนของโจทก์ทั้งสามได้ เมื่อเสร็จงานโจทก์ทั้งสามต้องกลับเข้าไปที่บริษัทนายจ้างและส่งมอบเงินที่เก็บจากลูกค้าให้แก่บริษัทนายจ้างตามข้อบังคับของบริษัทนายจ้างระบุไว้ว่าพนักงานขายไม่มีสิทธิได้รับค่าล่วงเวลาแล้ววินิจฉัยว่า ถึงแม้ในแต่ละวันก่อนเริ่มงานโจทก์ทั้งสามจะต้องเข้าไปที่บริษัทนายจ้างเพื่อรับสินค้าและหลังจากเสร็จงานแล้วก็จะต้องกลับเข้าไปที่บริษัทนายจ้างอีกก็ตามก็ไม่ใช่ส่วนที่เป็นงานหลัก โดยงานในส่วนที่เป็นงานหลักของโจทก์ทั้งสาม คือ การนำสินค้าของบริษัทนายจ้างไปส่งให้แก่ลูกค้าพร้อมกับเก็บเงินค่าสินค้าจากลูกค้ามาให้แก่บริษัทนายจ้างเมื่องานในส่วนที่เป็นงานหลักดังกล่าวของโจทก์ทั้งสามเป็นการทำงานที่ต้องไปทำนอกสถานที่ตั้งของบริษัทนายจ้าง โดยลักษณะหรือสภาพของงานไม่อาจกำหนดเวลาทำงานที่แน่นอนได้ ลักษณะหรือสภาพการทำงานของโจทก์ทั้งสามจึงเป็นไปตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 65 (6) เมื่อบริษัทนายจ้างไม่ได้มีข้อตกลงจ่ายค่าล่วงเวลาหรือค่าล่วงเวลาในวันหยุดให้แก่โจทก์ทั้งสาม ทั้งยังมีการระบุไว้ในข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของบริษัท ตามเอกสารหมาย จล.8 ข้อที่ 16 ว่าพนักงานขายไม่มีสิทธิได้รับค่าล่วงเวลา โจทก์ทั้งสามจึงไม่มีสิทธิได้รับค่าล่วงเวลาและค่าล่วงเวลาในวันหยุด ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 65 ดังนั้น คำวินิจฉัยและคำสั่งของจำเลยที่ 4/2549 จึงชอบแล้ว ไม่มีเหตุเพิกถอนคำสั่งจำเลย พิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งสาม
 
 
 
                                โจทก์ทั้งสามอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
 
 
 
                                ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่าลักษณะงานของโจทก์ทั้งสามซึ่งทำหน้าที่พนักงานขายนั้น ในแต่ละวันโจทก์ทั้งสามจะต้องไปรับสินค้าประเภทขนมปังที่บริษัทการ์ดิเนีย ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) จำกัด นายจ้าง แล้วนำสินค้านั้นออกไปส่งให้แก่ลูกค้าตามพื้นที่รับผิดชอบของโจทก์แต่ละคนพร้อมกับเก็บเงินค่าสินค้าส่งให้แก่บริษัทนายจ้างด้วย และตามข้อเท็จจริงที่ยุติในชั้นพิจารณาคดีของศาลแรงงานกลางปรากฏว่าโจทก์ทั้งสามจะต้องเข้าไปรับสินค้าก่อนเวลา 5.30 นาฬิกา แล้วบริษัทนายจ้างจะมีค่าตอบแทนพิเศษให้ แต่ถ้าไปหลังจากเวลาดังกล่าวก็ไม่มีความผิด นอกจากค่าจ้างตามปกติแล้ว โจทก์ทั้งสามยังมีสิทธิได้รับค่าคอมมิสชั่นหากทำยอดขายถึงเป้าที่บริษัทนายจ้างตั้งไว้และบริษัทนายจ้างได้จ่ายเบี้ยเลี้ยงให้โจทก์ที่ 1 กับโจทก์ที่ 3 วันละ 90 บาทต่อคน และให้ค่าโทรศัพท์เดือนละ 300 บาทต่อคน ส่วนโจทก์ที่ 2 จะได้รับเงินเหมาจ่ายเดือนละ 3,000 บาท การทำงานแต่ละวันจะไม่ได้เข้าทำงานและเลิกงานตามเวลาทำงานปกติของพนักงานแต่จะขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร
 
 
 
                                มีปัญหาต้องวินิจฉัยอุทธรณ์โจทก์ทั้งสามประการเดียวว่า บริษัทการ์ดิเนีย ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) จำกัด นายจ้าง จะต้องจ่ายค่าตอบแทนการทำงานให้โจทก์ทั้งสามหรือไม่ โดยโจทก์ทั้งสามอุทธรณ์ว่าโจทก์ทั้งสามต้องเข้าไปที่บริษัทนายจ้างเพื่อรับสินค้าและต้องกลับเข้าบริษัทนายจ้างเพื่อส่งมอบเงินที่เก็บจากลูกค้าได้ให้นายจ้าง โดยโจทก์ทั้งสามต้องบันทึกบัตรลงเวลาทำงาน จึงมิใช่งานที่มีลักษณะหรือสภาพที่ต้องออกไปทำงานนอกสถานที่และโดยลักษณะหรือสภาพของงานไม่อาจกำหนดเวลาทำงานที่แน่นอนได้ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 65 (6) เห็นว่า ตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของพนักงานเอกสารหมาย จล.8 ข้อ 7 กำหนดวันเวลาทำงานของพนักงานเป็นสองประเภทคือ ข้อ 7.1 พนักงานประจำสำนักงาน กำหนดวันเวลาทำงานปกติในวันจันทร์ถึงวันศุกร์ตั้งแต่เวลา 8.15 ถึง 17.15 นาฬิกา และกำหนดวันเวลาทำงานปกติในวันเสาร์ตั้งแต่เวลา 8.15 ถึง 12.15 นาฬิกาข้อ 7.2 พนักงานขายและพนักงานกะ กำหนดเพียงว่าพนักงานขายทำงานสัปดาห์ละ 6 วัน โดยไม่ได้กำหนดเวลาทำงานปกติเช่นเดียวกับพนักงานประจำสำนักงาน โจทก์ทั้งสามซึ่งเป็นพนักงานขายจึงมีเวลาทำงานปกติในวันหนึ่งไม่เกินแปดชั่วโมง ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 23ลักษณะงานของโจทก์ทั้งสามที่ต้องรับสินค้าออกไปส่งและเก็บเงินค่าสินค้าจากลูกค้านอกบริษัทนายจ้าง  และกลับเข้าบริษัทนายจ้างในแต่ละวันโดยไม่มีกำหนดเวลาที่แน่นอนได้เพราะเป็นไปตามสภาพการจราจรในแต่ละวัน จึงเป็นงานที่มีลักษณะหรือสภาพที่ต้องออกไปทำงานนอกสถานที่ และโดยลักษณะหรือสภาพของงานไม่อาจกำหนดเวลาทำงานที่แน่นอนได้ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 65 (6) โจทก์ทั้งสามจึงไม่มีสิทธิได้รับค่าล่วงเวลาและค่าล่วงเวลาในวันหยุด ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541มาตรา 61 และ 63 แต่โจทก์ที่ 1 และที่ 3 ได้ทำงานให้บริษัทนายจ้างโดยมีส่วนที่เกินกว่าวันละแปดชั่วโมงตามสำเนาใบบันทึกเวลาทำงาน เอกสารหมาย จล.4 แผ่นที่ 5 ซึ่งตามบันทึกคำให้การของโจทก์ทั้งสามตามเอกสารหมาย จล.2 ระบุว่าบริษัทนายจ้างให้โจทก์ทั้งสามทำงานเกินกว่าวันละแปดชั่วโมงโดยไม่จ่ายค่าล่วงเวลาและค่าล่วงเวลาในวันหยุดให้ จึงขอให้บริษัทนายจ้างจ่ายย้อนหลังให้ในเวลาทำงานสองปีนั้นพอแปลได้ว่าโจทก์ทั้งสามขอให้บริษัทนายจ้างจ่ายค่าตอบแทนการทำงานส่วนที่ทำงานเกินกว่าวันละแปดชั่วโมง ซึ่งตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา65 วรรคหนึ่ง แม้จะบัญญัติให้ลูกจ้างซึ่งนายจ้างให้ทำงานที่มีลักษณะหรือสภาพที่ต้องออกไปทำงานนอกสถานที่ และโดยลักษณะหรือสภาพของงานไม่อาจกำหนดเวลาทำงานที่แน่นอนได้ ไม่มีสิทธิได้รับค่าล่วงเวลาและค่าล่วงเวลาในวันหยุด แต่ก็ได้บัญญัติต่อไปให้ลูกจ้างดังกล่าวมีสิทธิได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินเท่ากับอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมงในวันทำงานตามจำนวนชั่วโมงที่ทำ ดังนั้นหากในการทำงานของโจทก์ทั้งสามสองปีก่อนยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงาน โจทก์ทั้งสามทำงานให้บริษัทนายจ้างเกินกว่าวันละแปดชั่วโมงโจทก์ทั้งสามก็มีสิทธิได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินเท่ากับอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมงในวันทำงานตามจำนวนชั่วโมงที่ทำ แต่เนื่องจากสิทธิของโจทก์ทั้งสามที่จะได้รับค่าตอบแทนดังกล่าวมีผลถึงหน้าที่ของบริษัทนายจ้างที่จะต้องถูกบังคับให้ต้องจ่ายค่าตอบแทนและบริษัทนายจ้างยังไม่ได้เข้าเป็นคู่ความในคดี ประกอบกับศาลแรงงานกลางยังมิได้ฟังข้อเท็จจริงและวินิจฉัยว่าโจทก์ทั้งสามทำงานในสองปีก่อนยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงานเกินกว่าวันละแปดชั่วโมงหรือไม่ จำนวนเท่าใด และโจทก์ทั้งสามมีสิทธิได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินเท่ากับอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมงในวันทำงานตามจำนวนชั่วโมงที่ทำเพียงใด จึงเห็นสมควรเรียกบริษัทนายจ้างให้เข้ามาเป็นจำเลยที่ 2 ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57 (3)(ข)  ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 และให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลแรงงานกลางพิจารณาพิพากษาในปัญหาดังกล่าว
 
 
 
                                พิพากษายกคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง ให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลแรงงานกลางหมายเรียกบริษัทการ์ดิเนีย ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) จำกัด เข้ามาเป็นจำเลยที่ 2 แล้ว ดำเนินกระบวนพิจารณาวินิจฉัยในประเด็นว่า โจทก์ทั้งสามมีสิทธิได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินเท่ากับอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมงในวันทำงานตามจำนวนชั่วโมงที่ทำของการทำงานสองปีก่อนยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงานหรือไม่ เพียงใด และพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
 
 

 




ฎีกาบรรทัดฐาน

โยกย้ายตำแหน่งหน้าที่ชอบด้วยกฎหมาย article
สัญญาจ้างมีกำหนดระยะเวลาต่อสัญญาใหม่ เป็นสัญญาจ้างที่ไม่มีกำหนดระยะเวลา ต้องบอกกล่าว + ค่าชดเชย article
การโอนสิทธิความเป็นลูกจ้างตาม ป.พ.พ.แพ่งและพาณิชย์ มาตรา 577 article
เปลี่ยนแปลงข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างไม่เป็นคุณแก่ลูกจ้าง ลูกจ้างทราบเรื่องโดยตลอดมิ ได้คัดค้าน แต่ลาออกแล้วใช้สิทธิฟ้องเงินตามข้อตกลงภายหลัง ถือว่าใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่มีอำนาจฟ้อง
ค่าเบี้ยเลี้ยง / ค่าล่วงเวลา คือ ค่าตอบแทนบริษัททัวร์ (เหมาจ่ายสูงกว่าที่กฎหมายกำหนดชอบด้วยกฎหมาย) article
ตกลงจ่ายเงินโบนัสทุกเดือนเป็นประจำแน่นอน ถือเป็นค่าจ้าง article
อายุความ มูลละเมิดอันมีความผิดทางอาญา หากในคดีอาญาอายุความมากกว่าให้ใช้อายุความตามนั้น article
ทำงานแม่บ้านร้านเสริมสวยถือเป็นลูกจ้าง article
เกษียณอายุ จ้างต่อ ตกลงไม่จ่ายค่าชดเชยกัน เป็นโมฆะต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย article
ฟ้องเพิกถอนคำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน ต้องวางเงินศาลตามคำสั่งก่อน จึงจะใช้สิทธิฟ้องเพิกถอนคำสั่งได้ article
ค่าตำแหน่ง ค่ารถ ถือเป็นค่าจ้าง article
เปลี่ยนแปลง ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน (ไมได้ ! ) article
สัญญาจ้างแรงงานหรือสัญญาจ้างทำของ article
ค่าคอมมิชชั่น article
ค่าคอมมิชชั่นที่คำนวณจากยอดขาย ถือเป็นค่าจ้าง article
ค่าเที่ยว ถือเป็นค่าจ้าง article
เหมาจ่ายเบี้ยเลี้ยงและค่าทำงานล่วงเวลา article
เดินโพยหวย ล่อซื้อและเลิกจ้างได้
ตกลงเหมาจ่ายเบี้ยเลี้ยงในการขับรถรับส่งท่องเที่ยวสูงกว่าอัตราที่ควรได้รับถือว่าจ่ายค่าล่วงเวลาโดยชอบแล้ว
โยกย้ายตำแหน่งหน้าที่ไม่ชอบ article



Copyright © 2010 All Rights Reserved.

บริษัท กฎหมายปาระมี จำกัด

เลขที่ 511/4 ถนนประชาอุทิศ 117/1 แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร (10140)

โทร/Tel : 02 - 8159522, แฟกซ์/Fax : 02 - 8159523, มือถือ/Mobile : 081 - 7936156

อีเมล/E-mail : sawai.prm@gmail.com, เว็บไซต์/Web : www.parameelaw.com