คำพิพากษาฎีกา 7145/51
ถูกไล่ออกจากการเป็นพนักงาน ไม่มีสิทธิได้รับเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (เงินสมทบ พร้อมผลประโยชน์)
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์เข้าทำงานกับจำเลยตั้งแต่ พ.ศ.2520 เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2543 จำเลยเลิกจ้างโจทก์อ้างเหตุผิดวินัยโดยมิได้บอกกล่าวล่วงหน้าและโจทก์ไม่มีความผิด เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชยตามระเบียบคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์เรื่อง มาตรฐานของสิทธิประโยชน์ของพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2534 สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เงินตอบแทนพิเศษในการทำงานเงินโบนัสประจำปี 2543 ตามระเบียบข้อบังคับของจำเลยและค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม รวม 8,696,630 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันเลิกจ้างไปจนกว่าจะชำระหนี้แก่โจทก์เสร็จสิ้น
จำเลยให้การว่า โจทก์มีตำแหน่งหน้าที่เป็นผู้จัดการธนาคารจำเลยสาขากบินทร์บุรี อัตราเงินเดือน 34,321 บาท จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะโจทก์ทุจริตต่อหน้าที่ จงใจทำให้จำเลยได้รับความเสียหายและประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้จำเลยได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง กล่าวคือ โจทก์อนุมัติสินเชื่อให้แก่ลูกค้าของจำเลยเกินขอบเขตอำนาจที่จะอนุมัติได้ ช่วยเหลือให้สินเชื่อแก่กลุ่มนิติบุคคลในลักษณะกระจายหนี้เพื่อไม่ให้เกินวงเงินทั้งที่กลุ่มนิติบุคคลดังกล่าวมีกรรมการเป็นชุดเดียวกันและมีความต้องการใช้เงินเพียงรายเดียว ประเมินราคาหลักทรัพย์เป็นประกันสูงกว่าความจริงเพื่อช่วยเหลือลูกค้า ให้สินเชื่อเกินวงเงินเบิกเกินบัญชี ทำให้เกิดหนี้ด้อยคุณภาพ สร้างความเสียหายให้แก่จำเลยอย่างร้ายแรง จำเลยตักเตือนโจทก์ด้วยวาจาและลายลักษณ์อักษรหลายครั้งแล้ว แต่โจทก์เพิกเฉย จำเลยจึงไล่โจทก์ออกจากการเป็นพนักงานตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2543 เป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม จำเลยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและค่าเสียกับสิทธิประโยชน์ใดๆ ตามฟ้องให้แก่โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา โจทก์และจำเลยแถลงรับกันตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 18 ธันวาคม 2545 ว่า โจทก์ได้อนุมัติให้ลูกหนี้ประเภทกู้เบิกเงินเกินบัญชี 34 ราย เบิกเงินเกินวงเงินขอบอำนาจของโจทก์ในจำนวนที่สูง และฝ่าฝืนคำสั่งของจำเลยที่สั่งให้ระงับการให้เบิกเงินเกินบัญชีแก่ลูกหนี้ รวมทั้งประเมินราคาหลักประกันของลูกหนี้บางรายมีราคาสูงกว่าความเป็นจริง เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนคู่มือและระเบียบปฏิบัติงานของจำเลยจริง แต่มิได้เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ และจำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะการกระทำดังกล่าว จำเลยไม่จ่ายเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (เงินสมทบพร้อมผลประโยชน์)แก่โจทก์เพราะเหตุที่โจทก์กระทำผิดวินัยถูกลงโทษไล่ออก โจทก์และจำเลยขอให้ศาลวินิจฉัยว่า โจทก์มีสิทธิจะได้รับเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (เงินสมทบพร้อมผลประโยชน์) หรือไม่จากคู่มือและระเบียบการทำงาน (ที่ถูก คู่มือและระเบียบการพนักงาน) ของจำเลยเอกสารหมาย ล.11 หากโจทก์มีสิทธิได้รับเงินดังกล่าวจะมีจำนวน 858,132.14 บาท โดยโจทก์และจำเลยไม่สืบพยาน
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยจ่ายเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (เงินสมทบพร้อมผลประโยชน์) จำนวน 858,132.14 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2543 ไปจนกว่าจะชำระเสร็จ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า คำแถลงรับของโจทก์และจำเลยตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลแรงงานกลางลงวันที่ 28 (ที่ถูกวันที่ 18) ธันวาคม 2545 เป็นกรณีที่โจทก์และจำเลยตกลงกันให้ศาลแรงงานกลางถือเอาคู่มือและระเบียบการพนักงานของจำเลยในส่วนที่เกี่ยวกับเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมาวินิจฉัยว่า โจทก์มีสิทธิได้รับเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (เงินสมทบพร้อมผลประโยชน์) ตามคู่มือและระเบียบการพนักงานดังกล่าวหรือไม่นั่นเอง เมื่อในเอกสารหมาย ล.11 จำนวน 8 แผ่น ที่จำเลยส่งต่อศาลแรงงานกลางอันเป็นส่วนหนึ่งของคู่มือและระเบียบการพนักงานของจำเลยไม่มีระเบียบส่วนที่เกี่ยวกับเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ แสดงว่าเอกสารหมาย ล.11 ไม่สามารถนำมาวินิจฉัยในประเด็นนี้ได้ ที่ศาลแรงงานกลางนำเอกสารหมาย ล.11 มาวินิจฉัยจึงไม่ถูกต้อง ศาลแรงงานกลางชอบที่จะดำเนินการให้ได้มาซึ่งคู่มือและระเบียบการพนักงานของจำเลยทั้งฉบับหรือเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพแล้วินิจฉัยไปตามรูปคดี พิพากษายกคำพิพากษาศาลแรงงานกลางเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ให้ศาลแรงงานกลางดำเนินการให้ได้คู่มือและระเบียบการพนักงานของจำเลยทั้งฉบับหรือเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ แล้วพิพากษาในประเด็นเรื่องเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพใหม่ตามรูปคดี
ศาลแรงงานภาค 2 รับโอนสำนวนคดีนี้มาจากศาลแรงงานกลางแล้ว นัดพร้อมคู่ความมาตรวจดูเอกสารหมาย ล.11 ซึ่งเป็นคู่มือและระเบียบการพนักงานคู่ความรับว่าระเบียบการพนักงานดังกล่าวไม่มีระเบียบในส่วนที่เกี่ยวกับเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (เงินสมทบพร้อมผลประโยชน์) จำเลยจึงส่งเอกสารข้อบังคับเพิ่มเติมตามเอกสารหมาย ล.12 โดยเอกสารดังกล่าวหมวดที่ 9 เรื่องการเบิกจ่ายเงินกองทุนและผลประโยชน์ ข้อ 9.2 ระบุให้จ่ายเงินสมทบและผลประโยชน์ทุกทอดของเงินสมทบให้แก่สมาชิก เว้นแต่ (ก) สมาชิกที่ถูกลงโทษทางวินัยโดยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกโดยธนาคารมีคำสั่งงดจ่ายเงินพึงได้ใดๆ ทั้งสิ้น (ข) สมาชิกที่มีอายุงานไม่ครบ 5 ปี ศาลแรงงานภาค 2 ได้ให้โจทก์ตรวจสอบเอกสารดังกล่าวพร้อมระเบียบข้อบังคับแล้วแถลงรับเอกสารดังกล่าว และต่างแถลงไม่ติดใจสืบพยานอีกต่อไปแล้วศาลแรงงานภาค 2 วินิจฉัยคดีนี้ใหม่ว่า ตามคู่มือและระเบียบการพนักงานตามเอกสารหมาย ล.11 และ ล.12 ระบุว่าให้จ่ายเงินสมทบและเงินผลประโยชน์ทุกทอดของเงินสมทบให้แก่สมาชิกเว้นแต่กรณีที่สมาชิกถูกลงโทษทางวินัย โดยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกโดยทางธนาคารมีคำสั่งงดจ่ายเงินพึงได้ใดๆ ทั้งสิ้น คดีนี้โจทก์ถูกลงโทษทางวินัยให้ไล่ออก โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินสมทบพร้อมผลประโยชน์จำนวน 858,132.14 บาท พิพากษายกฟ้องโจทก์ในประเด็นเรื่องเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (เงินสมทบพร้อมผลประโยชน์)
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์มีว่า การที่ศาลแรงงานภาค 2 วินิจฉัยคดีนี้ใหม่โดยอาศัยข้อบังคับเอกสารหมาย ล.12 ที่จำเลยส่งเพิ่มเติมชอบหรือไม่ โดยโจทก์อุทธรณ์ว่า การที่จำเลยไม่อ้างส่งเอกสารมาให้ครบถ้วนต้องถือว่าข้อเท็จจริงยุติไปในศาลแรงงานกลางแล้ว เมื่อเอกสารหมาย ล.11 ไม่มีข้อความระบุเงื่อนไขให้จำเลยไม่ต้องจ่ายเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้แก่โจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิได้รับเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพพร้อมดอกเบี้ยตามคำพิพากษาเดิม การที่ศาลแรงงานภาค 2 นำเอกสารหมาย ล.12 มาวินิจฉัยแล้วยกฟ้องโจทก์ย่อมทำให้โจทก์เสียเปรียบ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานได้ใช้อำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 31 โดยวินิจฉัยไว้แล้วว่า คำแถลงรับของโจทก์และจำเลยตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลแรงงานกลางฉบับลงวันที่ 28 (ที่ถูกวันที่ 18) ธันวาคม 2545 เป็นกรณีที่โจทก์และจำเลยตกลงกันให้ศาลแรงงานกลางถือเอาคู่มือและระเบียบการพนักงานของจำเลยในส่วนที่เกี่ยวกับเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมาวินิจฉัยว่า โจทก์มีสิทธิได้รับเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (เงินสมทบพร้อมผลประโยชน์) ตามคู่มือและระเบียบการพนักงานดังกล่าวหรือไม่นั่นเอง เมื่อในเอกสารหมาย ล.11 จำนวน 8 แผ่น ที่จำเลยส่งต่อศาลแรงงานกลางอันเป็นส่วนหนึ่งของคู่มือและระเบียบการพนักงานจำเลยไม่มีระเบียบส่วนที่เกี่ยวกับเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ แสดงว่าเอกสารหมาย ล.11 ไม่สามารถนำมาวินิจฉัยคดีในประเด็นนี้ได้ ศาลแรงงานกลางชอบที่จะดำเนินการให้ได้มาซึ่งคู่มือและระเบียบการพนักงานของจำเลยทั้งฉบับหรือเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพแล้ววินิจฉัยไปตามรูปคดี กรณีมิใช่ข้อเท็จจริงที่จะต้องนำมาวินิจฉัยยุติไปแล้วดังที่โจทก์อ้าง เมื่อศาลแรงงานภาค 2 ซึ่งรับโอนสำนวนคดีนี้มาจากศาลแรงงานกลางวินิจฉัยคดีนี้ใหม่โดยอาศัยข้อบังคับเอกสารหมาย ล.12 ที่จำเลยส่งเพิ่มเติมโดยโจทก์มิได้โต้แย้งว่าข้อความในเอกสารที่ศาลแรงงานภาค 2 นำมาใช้ประกอบการวินิจฉัยไม่ถูกต้อง โจทก์จึงไม่ได้เสียเปรียบในการดำเนินคดีนี้แต่ประการใด ที่ศาลแรงงานภาค 2 วินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินสมทบพร้อมผลประโยชน์ตามคู่มือและระเบียบการพนักงานเอกสารหมาย ล.11 และข้อบังคับเอกสารหมาย ล.12 นั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน