ซื้อใจแรงงาน!ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำปี54อีก10บาท
ไทยโพสต์ * "มาร์ค" แจกยาหอมแรงงาน เล็งขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำอีก 10 บาท มอบเป็นของขวัญปีใหม่ ฝ่ายนายจ้างอ้อมแอ้มพอรับได้ ชี้อำนาจอยู่ที่ คกก.ไตรภาคี ติงนายกฯ พูดล่วงหน้าทำของแพง สศค.หวั่นฉุดจีดีพีลง 0.2%
ที่ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษหัว ข้อ "ประเทศไทย 2554 : พลิกความท้า ทายสู่โอกาส" ตอนหนึ่งว่า ขณะนี้รัฐบาลจะให้ความสำคัญกับการเร่งกำลังซื้อในประ เทศ และจากแผนงานที่รัฐบาลได้วางไว้คือ การเพิ่มเงินเดือนให้แก่ข้าราชการและรัฐ วิสาหกิจ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มได้ตั้งแต่เดือน เม.ย.54 รวมทั้งมีนโยบายปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ โดย เห็นว่าการแข่งขันทางด้านเศรษฐกิจจากนี้ไป จะต้องไม่ใช่รูปแบบของการกดค่าแรงแล้วไปให้ค"ในการปรับค่าแรงขั้นต่ำนั้น ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ขึ้นเพียง 2-3 บาท แต่นโยบายรัฐบาลปีนี้จำเป็นต้องเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำมากกว่าที่ทำมาในช่วง 1-2 ปี ซึ่งหากเป็นไปได้ต้องการจะให้เป็นตัวเลข 2 หลักในระดับ 10-11 บาท" นายกฯ ระบุ
นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนี้ได้ให้ทางกระทรวงแรงงานดำเนินการอยู่ โดยต้องผ่านคณะกรรมการไตรภาคี (คณะกรรมการค่าจ้างกลาง) ก่อน แต่ในส่วนของนโยบายรัฐบาลเห็นว่าจะต้องเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ ซึ่งขึ้นเพียง 2-3 บาท ถ้านโยบายผ่านจะพยายามบังคับใช้ให้ทันช่วงปีใหม่ เพราะจะทำให้พร้อมๆ กับการเพิ่มสิทธิประโยชน์ประกันสังคมที่จะขยายวงเงินในการรักษาพยาบาล ทำฟัน และอื่นๆ สำหรับคนที่อยู่ในระบบประกันสังคม
เมื่อถามว่า การขึ้นค่าแรงแบบก้าวกระโดดจะส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อในปีหน้าหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ถือว่ากระโดดมาก เพราะว่าขึ้นอยู่แค่ประมาณ 10 บาทเท่านั้น ยังไม่ได้ขึ้นเป็น 100 บาทหรืออะไร สำหรับความกังวลภาวะเงินเฟ้อจะต้องดู เพราะว่าเรื่องปัญหาเงินเฟ้อยังมีมาตรการอื่นๆ อีก และขณะเดียวกันเรายังมีอีกขาหนึ่งในเรื่องค่าครองชีพ ซึ่งจะเป็นตัวช่วยลดแรงกดดันลงไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะถูกมองว่าเป็นนโยบายการหาเสียงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า "ไม่หรอกครับ เพราะเรื่องดังกล่าวผมได้ประกาศมานานแล้ว ทั้งเรื่องค่าแรงและประกันสังคม เพราะควรจะต้องมีการเพิ่ม อีกทั้งเรื่องนี้เป็นเรื่องของความเป็นธรรม ซึ่งผมได้พยายามแก้ปัญหาเรื่องความไม่เป็นธรรมในระบบเศรษฐกิจทั้งหมด"ด้านนายพิสิทธิ์ พัวพันธ์ ผู้อำนวยการส่วนวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาค สำนัก งานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า นโยบายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของนายกฯ จะส่งผลต่อการบริโภคภายในประเทศให้ปรับตัวดีขึ้น แต่ไม่ได้ช่วยการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เพราะเป็นนโยบายดูแลสวัสดิ การสังคม ขณะเดียวกันจะกระทบทำให้ต้นทุนการผลิตและราคาสินค้าจะปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ สศค.ได้เคยศึกษาไว้ พบว่าหากมีการปรับค่าแรงเพิ่ม 1% จะทำให้จีดีพีปรับลดลง 0.04% หรือค่าแรงปัจจุบันที่ประมาณ 200 บาท หากปรับเพิ่มเป็น 210 บาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 5% ก็จะกระทบการขยายตัวจีดีพีลดลง 0.2%
นายปัณณพงศ์ อิทธิ์อรรถนนท์ เลขาธิการสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการค่าจ้างกลางฝ่ายนายจ้าง กล่าวว่า เป็นเพียงแนวคิดของนายกฯ เท่านั้น และไม่ว่าใครจะเสนอตัวเลขเท่าใดก็ตาม แต่ตามกฎหมายผู้ที่มีอำนาจในการขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ คือคณะกรรมการไตรภาคี อย่างไรก็ตามตัวเลขที่นายกฯ เสนอ 10-11 บาทนั้น น่าจะรับฟังได้มากกว่า 250 บาท เพราะพอจะมีความเป็นไปได้มากกว่า
ทั้งนี้ อัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นอัตราค่าจ้างสำหรับแรงงานที่ไร้ฝีมือที่เดินเข้าสู่ตลาดแรงงาน แต่วันนี้ผู้ประกอบการที่จ้างแรงงานตามอัตราค่าจ้างขั้นต่ำแทบจะหาไม่ได้ เพราะไม่มีใครยอมรับค่าจ้างขั้นต่ำ นอกจากนี้ ในการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำแต่ละครั้ง ประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือราคาสินค้ามักจะขึ้นรอการปรับค่าจ้าง ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลไม่สามารถควบคุมราคาสินค้าได้ การที่นายกฯ ออกมาพูดว่าจะขึ้นค่าจ้างนั้น จะส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนในภาพรวม โดยเฉพาะลูกจ้างที่ค่าจ้างยังไม่ได้ขึ้นกลับต้องซื้อของแพงขึ้น.