สั่งสปส.ปล่อยกู้หมื่นล. ช่วยเหลือเหยื่อน้ำท่วม
กระทรวงแรงงานสั่งประกันสังคมปล่อยกู้หมื่นล้านบาท คิดดอกเบี้ย 2.5%ต่อปี ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนผู้ประกันตนที่ประสบภัยน้ำท่วมใน6จังหวัด พร้อมงดเก็บเงินสมทบเข้ากองทุน 3เดือน
นายสุธรรม นทีทอง โฆษกกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ได้สั่งให้สำนักงานประกันสังคม (สปส.)งดเก็บเงินสมทบกองทุนประกันสังคมจากลูกจ้างใน 6 จังหวัดพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ที่ประสบภัยน้ำท่วมรุนแรงอยู่ในขณะนี้ ประกอบด้วย นครราชสีมา ลพบุรี ปราจีนบุรี สระแก้ว ระยองและนครนายก เป็นเวลา 3 เดือนนับจากเดือนนี้
อีกทั้งมอบนโยบายให้คณะกรรมการประกันสังคม(บอร์ด สปส.)พิจารณาหาทางปล่อยกู้ให้ผู้ประกันตนที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยพิบัติน้ำท่วม รายละไม่เกิน 5 หมื่นบาท ดอกเบี้ยไม่เกิน 2.5% ต่อปี โดยให้กู้ผ่านธนาคารพาณิชย์ที่มีความร่วมมือกับสปส.และเตรียมสำรองเงินไว้ 5,000 - 10,000 ล้านบาท ทั้งนี้จะเสนอรายละเอียดให้ที่ประชุมบอร์ดประกันสังคมพิจารณาเห็นชอบเพื่อเป็นมติบอร์ดในวันที่ 19 ตุลาคมนี้
ในหลักการคือ ให้นำเงินจากกองทุนประกันสังคมไปฝากไว้กับธนาคารพาณิชย์ที่เข้าร่วมโครงการ แล้ว สปส.รับอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อเป็นหลักประกันในการให้ธนาคารปล่อยกู้ให้กับผู้ประกันตนและผู้ประกอบการที่ประสบภัยน้ำท่วม
ขณะเดียวกันยังได้สั่งการให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานตั้งวอร์รูมใน 6 จังหวัดและระดมเจ้าหน้าที่จากศูนย์ฝึกอาชีพทั่วประเทศมาให้ความช่วยเหลือประชาชนในการซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องใช้ในครัวเรือน ยานพาหนะและเครื่องมือในการประกอบอาชีพเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น
แรงงาน นำภารกิจด้านแรงงานลงสู่พื้นที่ ห่วงใย ช่วยเหลือ ฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัย
นายสมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวถึง สถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดที่ต้องเผชิญกับเหตุอุทกภัยน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมในหลายพื้นที่ สร้างความเดือดร้อนเสียหายต่อทรัพย์สินของทางราชการ ประชาชน และผู้ใช้แรงงานในหลายจังหวัด ประกอบกับนโยบายของ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่เป็นห่วงประชาชนชาวและผู้ใช้แรงงานที่ประสบปัญหาอุทกภัยในขณะนี้ จึงมอบหมายหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานนำภารกิจด้านแรงงานออกให้บริการแก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อย่างเร่งด่วน อาทิ ขอความร่วมมือนายจ้างผ่อนปรนกฎ ระเบียบ ข้อบังคับแก่ลูกจ้างที่ประสบภัยน้ำท่วม การชะลอส่งเงินสมทบเข้ากองทุนฯ แก่สถานประกอบการและการช่วยเหลือผู้ประกันตนที่ประสบอุทกภัย การส่งทีมช่างเคลื่อนที่ลงไปให้บริการซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องมือการเกษตร และยานพาหนะ การออกให้บริการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หน่วยงานระดับท้องถิ่น เช่น องค์การบริหารส่วนตำบล ผู้นำหมู่บ้าน/ชุมชน เพื่อรับทราบปัญหาและเข้าไปดำเนินการช่วยเหลือ
นางสาวชุติมา เหตานุรักษ์ ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดลพบุรี กล่าวถึง การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ว่า ขณะนี้ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในจังหวัดลพบุรี อาทิ กรมชลประทาน ทหาร อบต. ผู้นำหมู่บ้าน/ชุมชน ร่วมหารือถึงภารกิจที่จะนำเข้าไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว โดยประสานกรมชลประทานจัดทำแนวดินกั้นน้ำ ทหารจัดทำกระสอบทรายกั้นชายฝั่งริมคลองข้างศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ประสบภัยบริเวณใกล้เคียงนำยานพาหนะเข้ามาจอด ขณะนี้มีประชาชนนำยานพาหนะเข้ามาจอดไว้ประมาณ15 คัน สำหรับมาตรการต่อไปจะบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานทหาร คือ การเข้าไปฝึกอบรมทหารเกณฑ์ภายในค่ายทหาร (On the Job Training) เช่น การซ่อมแซมอุปกรณ์-เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน การซ่อมแซมบานประตู-หน้าต่าง ภายหลังผ่านการอบรมจะได้ร่วมกันออกให้บริการช่วยเหลือแก่ประชาชนในพื้นที่ที่ประสบภัย และเป็นความรู้ ความสามารถที่ทหารเกณฑ์หลังปลดประจำการจะใช้ประกอบวิชาชีพต่อไป
นอกจากนี้ ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดลพบุรี ยังแสดงความห่วงใยไปยังครอบครัวข้าราชการ /เจ้าหน้าที่ของศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดลพบุรี ซึ่งมีบ้านพักอาศัยอยู่ในจังหวัดลพบุรีที่ได้รับความเดือดร้อน โดยการอนุญาตให้นำรถยนต์ไปขนย้ายสิ่งของภายในบ้านเรือนตนเองและครอบครัวที่ถูกน้ำท่วมมาไว้ที่ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดลพบุรี เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจแก่ข้าราชการ /เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ในการเข้าไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนและผู้ใช้แรงงานที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงาน ได้เตรียมแผนการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยสั่งการให้ทุกหน่วยงานในสังกัดออกสำรวจพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย และรายงานสถานการณ์ให้กระทรวงแรงงานทราบทันทีหากมีกรณีฉุกเฉิน และหากประชาชน/ผู้ใช้แรงงานซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานแรงงานจังหวัดทุกจังหวัดหรือที่กระทรวงแรงงานโดยตรง
สปส.ได้ฤกษ์ปล่อยกู้ ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม รายละ5หมื่นผ่อนยาว2ปี
สำนักงานประกันสังคม หรือ สปส.จับมือ 4 แบงก์ ปล่อยกู้ผู้ประกันตนทั่วประเทศที่ประสบภัยน้ำท่วมแล้ว ระบุให้รายละไม่เกิน50,000บาท คิดอัตราดอกเบี้ยที่ร้อยละ 2.5 ต่อปี ให้ผ่อนยาวนานถึง 2 ปีที่ กระทรวงแรงงาน เมื่อวันที่ 3ธันวาคม ที่ผ่านมา นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.แรงงาน พร้อมด้วย นายสมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน และตัวแทนจาก ธนาคารทั้ง 4 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด(มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) ธนาคารออมสิน แถลงโครงการ "ประกันสังคมเคียงข้างผู้ประกันตนต้านอุทกภัย"
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า คณะกรรมการประกันสังคม ได้ร่วมมือกับ4ธนาคารปล่อยสินเชื่อ ในวงเงิน 10,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประกันตน และครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ได้มีแหล่งเงินกู้เพื่อใช้ไปซ่อมแซม ปรับปรุงที่อยู่อาศัยที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย โดยเริ่มสามารถติดต่อขอเอกสารได้แล้ว
ในเบื้องต้นพบว่ามีจังหวัดที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด 54 จังหวัด ซึ่งมีสถานประกอบการที่ประสบอุทกภัยประมาณ 129,000 แห่ง และลูกจ้างประมาณ 3 ล้านคน สำหรับผู้ประกันตนที่ต้องการจะกู้เงินไปซ่อมแซมบ้านเรือน สามารถไปติดต่อที่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่/จังหวัด เพื่อขอหนังสือรับรองสถานะความเป็นผู้ประกันตน และนำไปยื่นกู้ได้ที่ธนาคารทั้ง 4 แห่งได้แล้ว ซึ่งวงเงินในการกู้จะได้รายละไม่เกิน 50,000บาท อัตราดอกเบี้ยที่ร้อยละ 2.5 ต่อปี ให้ผ่อนชำระได้นานถึง 2 ปี ถ้าหากมีผู้ค้ำประกันก็จะทำให้สามารถกู้ได้ง่าย และรวดเร็วมากขึ้น แต่ถ้าเป็นลูกค้าของธนาคารเดิมอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีผู้ค้ำประกันตนก็ได้
ด้านนางอุไรวรรณ มณีโชติ ผู้ช่วยกรรมาการผู้จัดการ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติ่มว่า ในกรณี่ที่ผู้ประกันตนไม่ได้เป็นลูกค้าของธนาคาร จะต้องมีรายได้ 7,500 บาท ขึ้นไป และต้องมีผู้ค้ำประกันตน
ส่วน นายอภิชาติ อรรฆย์ฐากูร ผู้จักการฝ่ายสินเชื่อเคหะ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทางธนาคารจะปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกันตนที่มีบัญชีเงินกู้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยกับทางธนาคารเท่านั้น โดยทางธนาคารจะให้เป็นเงินก้อนครั้งเดียว ในอัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.5 ต่อปี และไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมใดๆเพิ่มเติม
ก.แรงงานปล่อยกู้ช่วยผู้ประสบภัย แถมเพิ่มสิทธิประโยชน์ผู้ประกันตน
กระทรวงแรงงานใจดีประสานธนาคารปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วมทั่วประเทศ ใน "โครงการประกันสังคมเคียงข้าง ผู้ประกันตนต้านอุทกภัย" โดยจัดสรรเงิน 10,000 ล้านบาท เพื่อปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้แก่ผู้ประกันตนและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยนำไปซ่อมแซม ปรับปรุงที่อยู่อาศัยผ่าน 4 ธนาคาร คือ ธนาคารอิสลาม กรุงไทย นครหลวงไทย และธนาคารออมสิน ยื่นกู้ได้ตั้งแต่บัดนี้ถึง 30 เม.ย.54
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงโครงการประกันสังคมเคียงข้างผู้ประกันตนต้านอุทกภัย ว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายให้ดำเนินการมาตรการประกันสังคม โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการประกันสังคม ร่วมกับธนาคารจัดทำ "โครงการสวัสดิการบ้าน สปส. เพื่อผู้ประกันตน"วงเงินโครงการ 10,000 ล้านบาท ให้ผู้ประกันตนกู้เงินซื้อบ้าน ซ่อมแซมบ้าน และ Re-Finance คนละไม่เกิน 1,500,000 บาท อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 2.50 ต่อปี คงที่ 5 ปี ซึ่งมี ผู้ประกันตนขอใช้สิทธิ์ยื่นกู้ตามโครงการจนวงเงินหมดลงอย่างรวดเร็ว ต่อมาในปลายปี 2553 ได้เกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ ทำลายบ้านเรือนที่อยู่อาศัยของผู้ประกันตนและครอบครัวให้ได้รับความเสียหาย จำเป็นต้องซ่อมแซม ปรับปรุงที่อยู่อาศัยภายหลังน้ำลดโดยเร่งด่วน ซึ่งกระทรวงแรงงานได้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์การเกิดอุทกภัยพบว่า มีจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่อุทกภัยได้รับผลกระทบถึงกว่า 50 จังหวัด แยกเป็นสถานประกอบการที่ประสบอุทกภัยประมาณ 129,055 แห่ง ลูกจ้างจำนวน 3,000,365 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ใช้แรงงานที่มีรายได้น้อย ขาดแคลนเงินออม หรือเงินเก็บไว้เพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน ในกรณีที่บ้านพักอาศัยของตนเองหรือครอบครัวเสียหายต้องเร่งซ่อมแซม ซึ่งอาจจำเป็นต้องไปกู้เงินนอกระบบทำให้เกิดปัญหาหนี้สินระยะยาว
เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนดังกล่าว สำนักงานประกันสังคมจึงร่วมมือกับ 4 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารออมสิน ในวงเงิน 10,000 ล้านบาท เพื่อให้ "ธนาคารปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้ประกันตนตามมาตรา 33, 39 และ 40 ที่ประสบอุทกภัย" รายละไม่เกิน 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 2.5 ต่อปี ผ่อนชำระ 2 ปี หลังจากนั้นเป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัวของแต่ละธนาคาร โดยให้ผู้ประกันตนที่ประสบอุทกภัยไปติดต่อสำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่/จังหวัด ที่สะดวก เพื่อขอหนังสือรับรองสถานะความเป็นผู้ประกันตน และยื่นกู้ได้ที่ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) เฉพาะผู้ประกันตนที่มีบัญชีเงินกู้เดิมกับธนาคาร ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปถึงวันที่ 30 เม.ย.54 สำหรับธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารออมสิน ยื่นกู้ได้ตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค.53-30 เม.ย.54 สำหรับข้อร้องเรียนกรณีผู้ประกันตนไม่ได้เป็นลูกค้าเดิมของธนาคารเข้าถึงแหล่งเงินกู้ยาก และผู้ประกันตนที่บ้านเรือนเสียหายทั้งหลังแล้วได้รับเงินไม่ครบนั้น นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ตนพร้อมด้วยปลัดกระทรวงแรงงาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม และทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน จะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างเป็นธรรมมากที่สุด ซึ่งความช่วยเหลืออาจจะได้รับไม่ครบทุกคน เนื่องจากเป็นการเยียวยาและบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น กรณีการสร้างบ้านให้ผู้ประสบภัยทั้งหลังก็อาจจะไปกระทบกับงบประมาณด้านอื่นๆ ซึ่งทุกภาคส่วนก็มีหน้าที่ในการช่วยเหลือ เยียวยา และบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยเช่นกัน
นอกจากนี้ ในวันที่ 1 ม.ค.54 เป็นต้นไป ผู้ประกันตนซึ่งเป็น "แรงงานในระบบ" จะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มใน 6 กรณี คือ "คลอดบุตร" จากเดิมเหมาจ่าย 12,000 บาท "เป็น 13,000 บาท" "เงินสงเคราะห์บุตร" จาก 350 บาท "เป็น 400 บาท" "ค่าทันตกรรม" จาก 250 บาทต่อครั้งแต่ไม่เกิน 500 บาทต่อปี "เป็น 300 บาทต่อครั้งแต่ไม่เกิน 600 บาทต่อปี" "ใส่รากฟันเทียมแก่ผู้ประกันตน ที่ประสบอุบัติเหตุ และผู้ประกันตนที่มีอายุ 53 ปีขึ้นไป" "สิทธิการรักษาโรคจิตอย่างต่อเนื่อง" "ค่ารักษากรณีทุพพลภาพ เข้ารักษาโรงพยาบาลของรัฐไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย" และ "โรงพยาบาลเอกชนผู้ป่วยใน 4,000 บาท/ ผู้ป่วยนอก 2,000 บาทเท่าเดิม" สำหรับการเข้ารักษาพยาบาลของผู้ประกันตนในทุกโรงพยาบาลและไม่จำกัดโรคนั้น นายเฉลิมชัย กล่าวว่า กำลังอยู่ระหว่างการหารือร่วมกับคณะกรรมการประกันสังคม เพราะต้องพิจารณาเพื่อไม่ให้ไปกระทบกับการบริหารจัดการเงินกองทุน ซึ่งจะต้องดูแลผู้ประกันตนในขณะนี้ที่มีอยู่ประมาณ 9,000,000 คน และหากการหารือสำเร็จ ก็จะประกาศใช้ในวันที่ 13 เมษายน 2554 สำหรับในเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ ผู้ใช้แรงงานมีแนวโน้มที่จะได้รับข่าวดีในเรื่องของค่าจ้างขั้นต่ำ คาดว่าคงทราบผลเมื่อวันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมาแล้ว