ReadyPlanet.com
dot dot
dot
ชมรมบริหารงานบุคคล
dot
bulletสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย
bulletชมรมบริหารงานบุคคล
bulletชมรมบริหารงานบุคคล อยุธยา
bulletชมรมบริหารงานบุคคลรังสิต
bulletชมรมผู้บริหารงานบุคคล อมตะนคร
bulletสมาคมการบริหารงานบุคคล (PAAs)
bulletชมรมบริหารงานบุคคลบางพลี
bulletชมรมนักบริหารงานบุคคลพัทยา
bulletชมรมบริหารงานบุคคลยุคใหม่
bulletชมรมผู้บริหารงานบุคคลจังหวัดราชบุรี
bulletงานบริหารงานบุคคล
bulletชมรมงานบริหารงานบุคคลกรุงเทพฯ
bulletชมรมบริหารงานบุคลสุขสวัสดิ์
dot
ติดต่อราชการศาล
dot
bulletศาลแรงงานกลาง
bulletศาลแรงงานภาค ๒
bulletศาลยุติธรรม
bulletศาลปกครอง
bulletศาลรัฐธรมนูญ
bulletสำนักงานอัยการสูงสุด
bulletกระทรวงยุติธรรม
bulletคณะกรรมการกฤษฎีกา
bulletกรมบังคับคดี
bulletสภาทนายความ
dot
หน่วยงานราชการสำคัญ
dot
bulletกระทรวงแรงงาน
bulletกรมการจัดหางาน
bulletกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
bulletกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
bulletสำนักงานประกันสังคม
bulletกรมสรรพากร
bulletกรมบัญชีกลาง
bulletกรมพัฒนาธุรกิจกาค้า
bulletกระทรวงอุตสาหกรรม
bulletกรมโรงงานอุตสาหกรรม
bulletกรมส่งเสริมอุตสาหรม
bulletการนิคมอุตสาหกรรม
dot
ลิ้งค์เพื่อนบ้าน
dot
bulletสมบัติลีกัล
bulletเอกเซลสำหรับงาน HR โดย อ.สำเริง
bulletบทความดี ๆ จากโกป้อม
dot
อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ
dot
dot
Newsletter

dot


พยากรณ์อากาศวันนี้
..................................


ราคาน้ำมันวันนี้
..................................



ทุจริตต่อหน้าที่ , เลิกจ้าง , กลับมาทำงานไม่มีสิทธิได้ค่าจ้าง article

 

คำพิพากษาฎีกาที่ 3191/2551
 
ทุจริตต่อหน้าที่ , เลิกจ้าง , กลับมาทำงานไม่มีสิทธิได้ค่าจ้าง
                      โจทก์ฟ้องว่า   วันที่ 29 มกราคม 2516 จำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างทำงานที่โรงงานปูนซีเมนต์นครหลวง จังหวัดสระบุรี ตำแหน่งสุดท้ายเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจรับเอเอฟอาร์ ฝ่ายพัฒนาพลังงาน ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 36,365 บาท กำหนดจ่ายค่าจ้างทุกวันสิ้นเดือน ต่อมาวันที่ 18 มิถุนายน 2546 จำเลยมีหนังสือไล่โจทก์ออกจากงาน อ้างว่าโจทก์ทุจริตต่อหน้าที่นำน้ำมันใช้แล้วไปขายให้แก่บุคคลภายนอก มีผลตั้งแต่วันดังกล่าวเป็นต้นไป โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง วันที่ 3 กรกฎาคม 2546 จำเลยมีหนังสือแจ้งผลอุทธรณ์ยืนยันตามผลการสอบสวนโดยไล่ออกและไม่จ่ายค่าชดเชย โจทก์ไม่ได้กระทำความผิด เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมและไม่ได้บอกกล่าวเลิกจ้างล่วงหน้า โจทก์ทำงานติดต่อกันมาเป็นเวลา 30 ปีเศษ มีสิทธิได้รับค่าชดเชยเท่ากับอัตราค่าจ้างสุดท้าย 300 วัน เป็นเงิน 363,650 บาท มีสิทธิได้รับสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นเงิน 71,518 บาท โจทก์ขอค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมเป็นเงิน 15,000,000 บาท และจำเลยยังค้างจ่ายค่าจ้างโจทก์นับแต่วันที่ 18 มิถุนายน 2546 ถึงวันที่ 3 กรกฎาคม 2546 เป็นเงิน 13,334 บาท โจทก์ทวงถามแล้ว จำเลยไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าจ้างค้างจ่าย ค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันเลิกจ้างไปจนกว่าจะชำระเสร็จ และจ่ายค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
 
 
 
                     จำเลยให้การว่า  เมื่อวันที่  10  มิถุนายน  2546  เวลาประมาณ 16 นาฬิกา จำเลยตรวจสอบพบว่านายไพรวัลย์  ปองดอง  พนักงานเอเอฟอาร์ ฝ่ายพัฒนาพลังงานของจำเลยร่วมกับพนักงานขับรถขนส่งน้ำมันจากบริษัทผู้ขายซึ่งนำมาส่งให้แก่จำเลยกำลังลักลอบถ่ายน้ำมันใช้แล้วไปยังรถขนน้ำมันอีกคันหนึ่งเพื่อจำหน่ายแก่บุคคลภายนอก จากการสอบสวนนายไพรวัลย์รับว่าสมรู้ร่วมคิดกับโจทก์ และโจทก์ก็ยอมรับว่ามีส่วนรู้เห็นพฤติกรรมดังกล่าวของนายไพรวัลย์และได้รับส่วนแบ่งจากการลักลอบถ่ายน้ำมันทุกครั้ง  การกระทำของโจทก์เป็นการประพฤติตนไม่เหมาะสมแก่การปฏิบัติหน้าที่ ทุจริตต่อหน้าที่ กระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่จำเลย จงใจทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย ทั้งยังเป็นการกระทำอันฝ่าฝืนต่อระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยกรณีร้ายแรงด้วย การเลิกจ้างของจำเลยจึงชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า และค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมตามฟ้อง เมื่อจำเลยบอกเลิกจ้างโจทก์นับแต่วันที่ 18 มิถุนายน 2546 เป็นต้นไป จำเลยจึงไม่ต้องจ่ายค่าจ้างหลังจากวันเลิกจ้างแก่โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
 
 
                ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
 
 
                โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
 
 
                ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ศาลแรงงานกลางพิจารณาพยานหลักฐานที่โจทก์จำเลยนำสืบและข้อเท็จจริงที่แถลงรับร่วมกันแล้วฟังข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่า โจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้างจำเลยเมื่อวันที่ 29มกราคม 2516 ตำแหน่งสุดท้ายเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจรับเอเอฟอาร์ ฝ่ายพัฒนาพลังงานมีหน้าที่ดูแลควบคุมการตรวจรับ การตรวจสอบคุณภาพน้ำมันใช้แล้ว ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 36,365 บาท กำหนดจ่ายค่าจ้างทุกวันที่ 25 ของเดือน จำเลยประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายปูนซีเมนต์ และรับซื้อน้ำมันใช้แล้วจากบริษัทเอส ซี เอส ออยล์ จำกัด มีสัญญาซื้อขายโดยบริษัท เอส ซี เอส ออยล์  จำกัด เป็นผู้บรรทุกขนส่งน้ำมันใช้แล้วให้แก่จำเลย ในการทำงานเมื่อรถบรรทุกขนส่งน้ำมันใช้แล้วมาถึงโรงงานมีการตรวจสอบคุณภาพและชั่งน้ำหนักของน้ำมัน โดยพนักงานขับรถบรรทุกของผู้รับเหมาขนส่งขับรถเข้าไปที่ลานตรวจรับและนำเอกสารไปยื่นที่แผนกตรวจเอกสาร จากนั้นโจทก์หรือนายไพรวัลย์ ปองดอง พนักงานตรวจรับเอเอฟอาร์ อีกคนหนึ่งนำเอกสารไปที่แผนกตรวจสอบคุณภาพนั้ามัน หากตรวจสอบแล้วผ่านก็ลงบันทึกรับผลการตรวจสอบนำผลการตรวจสอบไปยังหน่วยประสานงานกับโรงงาน จากนั้นหมดหน้าที่ของโจทก์หรือของนายไพรวัลย์ พนักงานขับรถบรรทุกขับรถไปชั่งน้ำหนักรถรวมกับน้ำหนักน้ำมันใช้แล้วเป็นการชั่งน้ำหนักครั้งแรก แล้วขับรถไปยังโรงงานหมายเลข 1 เพื่อถ่ายน้ำมันลงในภาชนะที่จำเลยจัดเตรียมไว้ เมื่อถ่ายเสร็จก็ขับรถกลับมาชั่งน้ำหนักอีกครั้งหนึ่ง เพื่อทราบน้ำหนักของรถบรรทุก และนำน้ำหนักที่ชั่งได้ครั้งหลักหักออกจากน้ำหนักที่ชั่งได้ครั้งแรก เหลือจำนวนเท่าใดเป็นน้ำหนักสุทธิของน้ำมันใช้แล้วที่จำเลยต้องชำระราคาให้แก่บริษัทผู้ขาย ก่อนเกิดเหตุคดีนี้จำเลยได้รับแจ้งจากพนักงานขับรถบรรทุกขนส่งน้ำมันว่ามีพนักงานของจำเลยลักลอบนำน้ำมันไปขายให้แก่บุคคลภายนอก จำเลยจึงตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อทำการสอบสวนในเรื่องดังกล่าว ต่อมาวันที่ 10 มิถุนายน 2546 ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ พนักงานขับรถบรรทุกขับรถบรรทุกเลขทะเบียน รย 81-7706 ระยอง มาส่งน้ำมันใช้แล้วให้จำเลย โดยขับเข้าลานตรวจรับเวลา 11 นาฬิกา มีการตรวจเอกสารตามระเบียบโจทก์นำเอกสารไปตรวจสอบคุณภาพน้ำมันเวลา 11.15 นาฬิกา รับผลการตรวจเวลา 15 นาฬิกา และโจทก์นำผลไปส่งให้หน่วยประสานงานกับโรงงานและได้มีการอนุมัติให้ลงน้ำมันได้เวลา 15.10 นาฬิกา จากนั้นโจทก์ไปปฏิบัติหน้าที่อื่นของโจทก์นายศศิพงษ์ แก้วหราย พร้อมกับดาบตำรวจนิราศ แปลงมาลย์ และสิบตำรวจโทชูศักดิ์ ธนะแสวง เจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจอำเภอแก่งคอย เห็นนายไพรวัลย์กำลังลักลอบถ่ายน้ำมันจากรถบรรทุกดังกล่าวไปที่รถบรรทุกหมายเลขทะเบียน ขก 82-2939 ขอนแก่น ซึ่งเป็นรถบรรทุกแอลกอฮอล์มาส่งให้จำเลย โจทก์ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุขณะที่มีการลักน้ำมันใช้แล้ว นายศศิพงษ์ นายธนิต ปุลิเวคินทร์ และนายนฤนัย  แสนพล ร่วมกันสอบปากคำนายไพรวัลย์ นายไพรวัลย์ให้การพาดพิงถึงโจทก์ว่ามีส่วนร่วมในการกระทำความผิดด้วย จึงมีการสอบสวนโจทก์และบันทึกถ้อยคำโจทก์ไว้ ซึ่งโจทก์ยอมรับว่าลงลายมือชื่อในบันทึกการสอบสวนดังกล่าวไว้จริง แต่อ้างว่าลงลายมือชื่อโดยไม่ได้อ่านข้อความ เจ้าพนักงานตำรวจบันทักเหตุการณ์ไว้เป็นหลักฐาน ต่อมาคณะกรรมการสอบสวนทำรายงานผลการสอบสวนเสนอรองประธานอาวุโสซึ่งเป็นผู้บริหารของจำเลยสรุปความว่านายไพรวัลย์และโจทก์ได้ร่วมกันกระทำความผิดทุจริตต่อหน้าที่ลักน้ำมันใช้แล้วของจำเลยไปขายให้แก่บุคคลภายนอก จงใจทำให้จำเลยได้รับความเสียหายวันที่ 17 มิถุนายน 2546 จำเลยจึงมีหนังสือเลิกจ้างโจทก์อ้างเหตุโจทก์ทุจริตต่อหน้าที่ลักทรัพย์ของจำเลยไปขายให้แก่บุคคลภายนอก  จงใจทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย  มีผลตั้งแต่วันที่  18  มิถุนายน2548 เป็นต้นไป โดยไม่จ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าให้แก่โจทก์ กับมีประกาศห้ามโจทก์และนายไพรวัลย์เข้าบริเวณโรงงาน จำเลยมีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานว่าด้วยวินัยและโทษทางวินัยโจทก์มีหนังสืออุทธรณ์ร้องขอความเป็นธรรมไปยังรองประธานอาวุโสของจำเลย ผู้บริหารของจำเลยพิจารณาอุทธรณ์ของโจทก์แล้วยืนตามผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวน รายละเอียดปรากฎตามเอกสารหมาย จล.1 ถึง จล.17 และจ.5 แล้ววินิจฉัยต่อไปว่า พยานหลักฐานของโจทก์รับฟังได้ว่า ในวันเกิดเหตุนายไพรวัลย์ว่าจ้างพนักงานขับรถบรรทุกลักลอบถ่ายเทน้ำมันใช้แล้วจากรถบรรทุกหมายเลขทะเบียน รย 81-7706 ระยอง ไปยังรถบรรทุกหมายเลขทะเบียน 82-2939 ขอนแก่น โจทก์ร่วมรู้เห็นและปล่อยปละละเลยต่อหน้าที่ให้นายไพรวัลย์ลักน้ำมันใช้แล้วไปขายให้แก่บุคคลภายนอก โจทก์มีตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจรับเอเอฟอาร์ ฝ่ายพัฒนาพลังงานมีหน้าที่ดูแลควบคุมการตรวจรับและการตรวจสอบคุณภาพน้ำมันใช้แล้วที่พนักงานขับรถบรรทุกขนส่งมา การที่นายไพรวัลย์เจ้าหน้าที่ตรวจรับเอเอฟอาร์อีกคนหนึ่งลักลอบถ่ายน้ำมันใช้แล้วจากรถบรรทุกขนส่งน้ำมันไปยังรถบรรทุกขนส่งแอลกอฮอล์ ณ บริเวณลานตรวจรับ ซึ่งอยู่ในจุดหน้าที่รับผิดชอบของโจทก์โดยโจทก์ร่วมรู้เห็นและปล่อยปละละเลยให้นายไพรวัลย์ลักน้ำมันใช้แล้วไปขายให้แก่บุคคลภายนอกทั้งได้รับเงินส่วนแบ่งจากาการขายน้ำมันใช้แล้วจากนายไพรวัลย์ด้วย ถือได้ว่าโจทก์ทุจริตต่อหน้าที่ร่วมลักน้ำมันใช้แล้วไปขายให้แก่บุคคลภายนอก เป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยและจงใจทำให้จำเลยได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง ปัญหาที่ว่าน้ำมันที่ถูกลักจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยแล้วหรือไม่ตามที่โจทก์เบิกความอ้างว่ามีการลักถ่ายเทน้ำมันใช้แล้วก่อนที่จะมีการชั่งน้ำหนักรวมและน้ำหนักรถเปล่า จึงไม่ใช่ประเด็น จำเลยเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า และไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์ ไม่ใช่การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม จำเลยมีหนังสือบอกเลิกจ้างโจทก์โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน 2546 เป็นต้นไป นิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์และจำเลยตามสัญญาจ้างแรงงานจึงเป็นอันสิ้นสุดตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน 2546 โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าจ้างนับแต่วันที่ 18 มิถุนายน 2546 ถึงวันที่ 3 กรกฎาคม 2546
 
 
                ที่โจทก์อุทธรณ์สรุปความได้ว่า พยานหลักฐานของจำเลยไม่น่าเชื่อถือและยังรับฟังไม่ได้ว่าในวันเกิดเหตุนายไพรวัลย์ได้ว่าจ้างพนักงานขับรถบรรทุกทำการถ่ายน้ำมันใช้แล้วจากรถบรรทุกหมายเลขทะเบียน รย 81-7706 ระยอง ไปยังรถบรรทุกหมายเลขทะเบียน 82-2939 ขอนแก่น ทั้งยังรับฟังไม่ได้ว่าโจทก์ร่วมรู้เห็นและปล่อยปละละเลยต่อหน้าที่ให้นายไพรวัลย์ลักน้ำมันใช้แล้วไปขายแล้วรับเงินส่วนแบ่งจากนายไพรวัลย์อันจะถือได้ว่าโจทก์กระทำทุจริตต่อหน้าที่ลักเอาน้ำมันใช้แล้วไปขายให้แก่บุคคลภายนอก บริษัท เอส ซี เอส ออยล์ จำกัด เป็นเพียงผู้ขนส่งมิใช่ผู้ขายน้ำมันใช้แล้วให้แก่จำเลยโดยอ้างเหตุผลต่างๆ นั้น อุทธรณ์ดังกล่าวล้วนเป็นอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางอันเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
 
 
                ที่โจทก์อุทธรณ์ว่า คณะกรรมการสอบสวนโจทก์มีด้วยกันสามคน แต่ขณะสอบสวนมีนายศศิพงษ์ทำหน้าที่อยู่เพียงคนเดียว การสอบสวนโจทก์จึงไม่ชอบนั้น เห็นว่าคดีนี้ศาลแรงงานกลางพิจารณาจากพยานหลักฐานของโจทก์และจำเลยทั้งหมดที่นำสืบต่อศาลและข้อเท็จที่คู่ความแถลงรับกันแล้ว จึงวินิจฉัยว่า โจทก์ทุจริตต่อหน้าที่ร่วมลักน้ำมันใช้แล้วไปขายให้แก่บุคคลภายนอก เป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยและจงใจทำให้จำเลยได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง มิได้พิจารณาเฉพาะจากรายงานการสอบสวนแต่เพียงอย่างเดียว เมื่อพยานหลักฐานในสำนวนทั้งหมดฟังข้อเท็จจริงได้เช่นนี้แล้ว การสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนที่จำเลยแต่งตั้งจะชอบหรือไม่จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควร ได้รับการวินิจฉัยเพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
 
 
                ที่โจทก์อุทธรณ์ว่า ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์กระทำความผิดโดยไม่วินิจฉัยไปถึงว่าน้ำมันใช้แล้วที่ถูกลักตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยแล้วหรือไม่เป็นการไม่ชอบ เพราะหากมิใช่กรรมสิทธิ์ของจำเลย จำเลยก็มิใช่ผู้เสียหายที่จะกล่าวหาโจทก์ แต่ผู้เสียหายที่แท้จริงคือเจ้าของน้ำมันนั้น เห็นว่า จำเลยเป็นนายจ้างของโจทก์ เมื่อมีการลักลอบถ่ายน้ำมันใช้แล้ว ณ สถานประกอบกิจการของจำเลยในบริเวณที่โจทก์รับผิดชอบ จำเลยย่อมแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบสวนถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวได้ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฎว่าโจทก์ร่วมรู้เห็นและปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำดังกล่าว ทั้งได้รับเงินส่วนแบ่งจากการขายน้ำมันใช้แล้วจากนายไพรวัลย์   การกระทำของโจทก์เป็นการคดโกง ไม่ซื่อตรง ซึ่งเป็นการกระทำการทุจริตต่อหน้าที่ มีโทษทางวินัยถึงขั้นไล่ออกตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยว่าด้วยวินัยและโทษทางวินัยเอกสารหมาย จล.13 ข้อ 2.5 จำเลยย่อมเลิกจ้างโจทก์ได้ ศาลแรงงานกลางจึงไม่จำต้องวินิจฉัยไปถึงว่าน้ำมันใช้แล้วตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยแล้วหรือไม่ เพราะการกระทำของโจทก์จะเป็นการกระทำผิดอาญาต่อจำเลยหรือโจรกรรมทรัพย์สินขอ
 
 
จำเลยหรือไม่ก็ไม่ทำให้ผลแห่งคำพิพากษาของศาลแรงงานกลางเปลี่ยนแปลง อุทธรณ์ของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
 
 
                ที่โจทก์อุทธรณ์ประการสุดท้ายว่า แม้จำเลยจะมีหนังสือเลิกจ้างโจทก์โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน 2546 เป็นต้นไป แต่โจทก์คงมาทำงานให้จำเลยตามปกติ จำเลยจึงต้องจ่ายค่าจ้างช่วงระหว่างวันที่ 18 มิถุนายน 2546 ถึงวันที่ 3 กรกฎาคม 2546 ให้แก่โจทก์นั้น เห็นว่า เมื่อจำเลยมีหนังสือเลิกจ้างโจทก์โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน 2546 นิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์และจำเลยตามสัญญาจ้างแรงงานย่อมสิ้นสุดลงนับแต่วันดังกล่าว ทั้งจำเลยยังมีคำสั่งห้ามโจทก์เข้าบริเวณโรงงานตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน 2546 เป็นต้นไปตามเอกสารหมาย จล.12 อีกด้วย ดังนั้น แม้หากโจทก์จะยังคงเข้ามาทำงานให้จำเลยก็เป็นกรณีที่โจทก์กระทำไปเองตามอำเภอใจ ไม่ก่อให้เกิดหนี้ค่าจ้างที่จำเลยจะต้องจ่ายให้แก่โจทก์อุทธรณ์ของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
 
 
 
                                พิพากษายืน
 

 




อัพเดท ฎีกาน่าสนใจ

ขึ้นทะเบียนรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเกิน ๓๐ วัน ยังมีสิทธิได้รับเงินประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานได้ article
ลักษณะความผิดเดียวกัน แต่ระดับความร้ายแรงแตกต่างกัน นายจ้างพิจารณาลงโทษแตกต่างกันได้ article
ผู้จัดการสาขา เสนอรายชื่อลูกค้าที่ขาดคุณสมบัติทำประกันชีวิต ถือว่าจงใจทำให้นายจ้างเสียหาย / ผิดร้ายแรง article
หยุดกิจการชั่วคราวตาม มาตรา ๗๕ article
สัญญาจ้างเป็นสัญญาต่างตอบแทน นายจ้างออกค่าใช้จ่ายในการเข้าทดสอบเพื่อรับเกียรติบัตร เมื่อทดสอบผ่านต้องทำงานกับนายจ้าง ๕ ปี บังคับใช้ได้ article
ศาลแรงงานกลางมีอำนาจสั่งรับพยานเอกสารได้ แม้ไม่ได้ส่งสำเนาให้คู่ความอีกฝ่ายก็ตาม article
ประกอบธุรกิจแข่งขัน / ไปทำงานกับนายจ้างอื่น ในลักษณะผิดต่อสัญญาจ้าง เมื่อลูกจ้างได้ชดใช้ค่าเสียหายแก่นายจ้างตามสัญญาแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะบังคับ / ห้ามทำงานตามเงื่อนไขในสัญญาจ้างอีกต่อไป article
คดีแรงงานเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา แม้คดีอาญายกฟ้อง แต่พฤติกรรมการกระทำผิด เป็นเหตุให้นายจ้างไม่อาจไว้วางใจในการทำงานได้ ถือเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
เลิกจ้างเนื่องจากปรับโครงสร้างองค์กร แต่กำหนดรายชื่อไว้ล่วงหน้า ถือเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม article
การหักลบกลบหนี้ หนี้อันเกิดจากสัญญาจ้าง กรณีลูกจ้างกระทำผิดกับสิทธิประโยชน์ที่มีสิทธิได้รับตามสัญญาจ้าง ถือเป็นมูลหนี้อันเป็นวัตถุอย่างเดียวกันหักลบกลบหนี้กันได้ article
เล่นการพนันฉลากกินรวบ เป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน กรณีร้ายแรง article
กรณีไม่ถือเป็นการประกอบธุรกิจแข่งขันหรือไม่ถือว่าทำงานกับนายจ้างใหม่ในลักษณะธุรกิจเดียวกับนายจ้าง article
สัญญาฝึกอบรม นายจ้างกำหนดเบี้ยปรับได้ เป็นสัญญาที่เป็นธรรม article
ค้ำประกันการทำงาน หลักประกันการทำงาน การหักลบกลบหนี้ค่าเสียหายจากการทำงาน article
ใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์แต่ตนเอง เรียกรับเงินจากลูกค้า ถือเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ article
ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา มาทำงานสายประจำ ถือว่า กระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่เลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
สหภาพแรงงานทำบันทักข้อตกลงเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างกับนายจ้าง อันส่งผลกระทบต่อสิทธิหน้าที่ของสมาชิก ขัดกับข้อตกลงเดิมและมิได้ขอมติที่ประชุมใหญ่ ข้อตกลงดังกล่าวไม่อาจใช้บังคับได้ article
ขอเกษียณอายุก่อนกำหนดตามประกาศ ถือเป็นการสมัครใจเลิกสัญญาจ้างแรงงานต่อกัน มิใช่การเลิกจ้างหรือการเกษียณอายุ จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชยตามระเบียบกรณีเกษียณอายุ article
สถาบันวิจัยอันเป็นส่วนหนึ่งของกิจการมหาวิทยาลัยถือเป็นหน่วยงานของรัฐ ได้รับยกเว้น ไม่อยู่ภายใต้บังคับตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน มาตรา ๔ (๑) article
สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า จากการเลิกจ้างมีอายุความฟ้องร้องได้ภายใน ๑๐ ปี article
ทะเลาะวิวาทเรื่องส่วนตัวไม่ส่งผลกระทบต่อการบังคับบัญชา ไม่เป็นความผิด กรณีร้ายแรง ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ article
พี่น้องร่วมบิดา มารดาเดียวกัน มิใช่ทายาทผู้มีสิทธิรับเงินประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ และเงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต ตามพระราชบัญญัติ ประกันสังคม มาตรา ๗๓ และมาตรา ๗๗ article
ขับรถเร็วเกินกว่าข้อบังคับกำหนด เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
ฝ่าฝืนคำสั่งโยกย้าย เลิกจ้างได้ ถือเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
ประกาศใช้ระเบียบใหม่ ไม่ปรากฏว่ามีพนักงานโต้แย้งคัดค้าน ถือว่าทุกคนยินยอมปฏิบัติตามระเบียบ article
เงินค่าตอบแทนพิเศษกับเงินโบนัส มีเงื่อนไขต่างกัน หลักเกณฑ์การจ่ายต่างกัน จึงต้องพิจารณาต่างกัน article
ทายาทผู้มีสิทธิได้รับเงินกองทุนเงินทดแทน article
ค่ารถแทนรถยนต์ประจำตำแหน่ง ไม่ถือเป็นค่าจ้าง และ ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีสะสมให้ถือตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานที่กำหนดไว้ article
เจรจาให้ลาออก ลูกจ้างไม่ตกลง ขอเวลาตัดสินใจและหยุดงานไป นายจ้างแจ้งให้กลับเข้าทำงานตามปกติ ถือว่านายจ้างยังไม่มีเจตนาเลิกจ้าง article
ละทิ้งหน้าที่ แอบนอนหลับในเวลาทำงาน ถือเป็นเหตุในการเลิกจ้างได้ เลิกจ้างเป็นธรรม article
ลาออกโดยไม่สุจริต ไม่มีผลใช้บังคับ article
ทำความผิดคล้ายคลึงกันแต่ไม่เหมือนกัน พิจารณาลงโทษแตกต่างกันได้ article
ประกอบธุรกิจ บริการ ด่าลูกค้าด้วยถ้อยคำหยาบคาย " ควาย " ถือเป็นการกระทำความผิดกรณีร้ายแรง article
ข้อบังคับ ระบุให้ผู้บังคับบัญชาเหนือกว่ามีอำนาจแก้ไข เพิ่มโทษ หรือลดโทษได้ การยกเลิกคำสั่งลงโทษเดิมและให้ลงโทษใหม่หนักกว่าเดิมจึงสามารถทำได้ article
เลือกปฏิบัติในการลงโทษระเบียบการห้ามใส่ตุ้มหูมาทำงาน บังคับใช้ได้ แต่เลือกปฏิบัติในการลงโทษไม่ได้ article
ลงโทษพักงานโดยไม่จ่ายค่าจ้างและเตือนในคราวเดียวกันได้ ตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน article
จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย article
ข้อตกลงรับเงินและยินยอมปลดหนี้ให้แก่กัน ถือเป็นการตกลงระงับข้อพิพาทแม้จะทำขึ้นก่อนคำสั่งเลิกจ้างมีผลใช้บังคับ article
ศาลแรงงานมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานที่คู่ความอ้างส่งศาลได้ แม้มิได้ระบุบัญชีพยานไว้ก็ตาม article
สัญญาจ้างห้ามลูกจ้างไปทำงานกับนายจ้างใหม่ที่ประกอบธุรกิจเช่นเดียวกันมีกำหนดเวลา บังคับใช้ได้ article
เลิกจ้างและรับเงินค่าชดเชย ใบรับเงิน ระบุขอสละสิทธิ์เรียกร้องเงินอื่นใดใช้บังคับได้ ลูกจ้างไม่มีสิทธิ์ฟ้องร้องสินจ้างและค่าเสียหายได้อีก article
เกษียณอายุ 60 ปี ลูกจ้างมีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชยนับแต่วันครบกำหนดเกษียณอายุ แม้นายจ้างไม่ได้บอกเลิกจ้างก็ตาม article
ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องและเพิกเฉยไม่ดูแลผลประโยชน์ของนายจ้าง เป็นเหตุให้นายจ้างไม่ไว้วางใจในการทำงานได้เป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
ละเลยต่อหน้าที่ ไม่รายงานเคพีไอ นายจ้างตักเตือนแล้ว ถือว่าผิดซ้ำคำเตือน เลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ทำสัญญาจ้างต่างด้าวทำงานในอาชีพต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าว สัญญาจ้างถือเป็นโมฆะ article
ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง article
ศาลมีคำสั่งให้งดสืบพยาน แล้วพิพากษาตามหลักฐานที่ปรากฏในสำนวน ในขณะที่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทยังมีข้อโต้แย้งกันอยู่ ข้อเท็จจริงยังรับฟังไม่ยุติ ต้องสืบพยานใหม่และพิพากษาใหม่ไปตามรูปคดี article
แม้สัญญาจ้างไม่ได้ระบุระยะเวลาทดลองงานไว้ แต่นายจ้างก็สามารถประเมินผลการทำงานของลูกจ้างได้ article
การควบรวมกิจการ สิทธิและหน้าที่โอนไปเป็นของบริษัทใหม่ การจ่ายเงินสมทบบริษัทใหม่ที่ควบรวมจึงมีสิทธิจ่ายเงินสมทบในอัตราเดิมตามสิทธิ มิใช่ในอัตราบริษัทตั้งใหม่ article
เลิกจ้างรับเงินค่าชดเชยแล้วตกลงสละสิทธิ์จะไม่เรียกร้องผละประโยชน์ใดๆ ถือว่าสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายเป็นอันระงับไป article
รับเหมาก่อสร้าง ผู้รับเหมาต้องรับผิดชอบ จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมแทนผู้รับเหมาช่วง หากผู้รับเหมาช่วงไม่นำส่งเงินสมทบตามกฎหมายโดยคำนวณจากอัตราค่าจ้างที่ระบุตามแบบ ( ภ.ง.ด. 50 ) และบัญชีงบดุล article
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานระบุห้ามทะเลาะวิวาทหรือทำร้ายร่างกาย ผู้บังคับบัญชา เพื่อนพนักงาน ทั้งในสถานที่ทำงาน หรือสถานที่อื่นๆ ฝ่าฝืนถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง ใช้บังคับได้ไม่ขัดต่อกฎหมาย article
ไส้ติ่งอักเสบ แพทย์วินิจฉัยให้ผ่าตัด ถือเป็นกรณีฉุกเฉิน เบิกค่ารักษาได้ มีสิทธิรับเงินทดแทนค่าบริการทางการแพทย์ได้ article
ค่าเช่าที่พัก ค่าใช้จ่ายเดินทางเป็นสวัสดิการไม่ถือเป็นค่าจ้าง article
ค่ารถยนต์ซึ่งกำหนดเป็นสวัสดิการไว้ชัดเจนแยกจากฐานเงินเดือนปกติ ถือเป็นสวัสดิการไม่ใช่ค่าจ้าง article
ละเมิดข้อตกลงสภาพการจ้าง ละเมิดสัญญาจ้าง มีอายุความ 10 ปี มิใช่ 1 ปี article
พฤติกรรมการจ้างที่ถือว่าเป็นการจ้างแรงงาน ถือเป็นลูกจ้าง / นายจ้างตามกฎหมาย article
พนักงานขายรถยนต์ไม่ปฏิบัติหน้าที่ประจำบูธ ตามที่ได้รับมอบหมาย ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
เลือกตั้งคณะกรรมการสหภาพฯ ขัดต่อข้อบังคับสหภาพหรือขัดต่อกฎหมาย ถือว่าเป็นการเลือกตั้งที่ไม่ชอบ article
ฝ่าฝืนสัญญาจ้าง กรณีห้ามทำการแข่งขันกับนายจ้างหรือทำธุรกิจคล้ายคลึงกับนายจ้างเป็นเวลา 2 ปี นับจากสิ้นสุดสัญญาต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่นายจ้าง article
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน ระบุให้นายจ้างเลิกจ้างเพราะเหตุคนล้นงาน ปรับลด ขนาดองค์กรได้ ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะเลิกจ้างลูกจ้างได้ article
ข้อบังคับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กรณีตัดสิทธิ์รับเงินสมทบพร้อมผลประโยชน์หากกระทำผิดถูกปลดออกจากงานบังคับใช้ได้ article
ทะเลาะวิวาทกัน นอกเวลางาน นอกบริเวณบริษัทฯ ไม่ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
ฝ่าฝืนไม่ไปตรวจสารเสพติดซ้ำตามคำสั่งและนโยบาย ถือว่าฝ่าฝืน ข้อบังคับ หรือ ระเบียบ กรณีร้ายแรง article
วันหยุดพักผ่อนประจำปีตามส่วน article
เป็นลูกจ้างที่มีอำนาจกระทำการแทนนายจ้างในการจ้างงาน ไม่มีสิทธิได้รับค่าทำงานในวันหยุด และลักทรัพย์เอาต้นไม้ของนายจ้างไป ถือว่ากระทำผิดอาญาแก่นายจ้าง เลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ผลการทำงานดีมาโดยตลอดและไม่เคยกระทำผิดมาก่อน แต่ปีสุดท้ายผลงานต่ำกว่ามาตรฐาน ไม่ถือเป็นเหตุที่จะอ้างในการเลิกจ้าง article
ได้รับบาดเจ็บรายการเดียว เข้ารักษา 2 ครั้ง ถือว่าเป็นการรักษารายการเดียว นายจ้างสำรองจ่ายเพิ่มเติมไม่เกิน 50,000 บาท ไม่ใช่ 200,000 บาท article
ผู้บริหารบริษัท ฯ ถือเป็นลูกจ้างหรือไม่ ดูจาก_________ ? article
ขับรถออกนอกเส้นทาง แจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อผู้บังคับบัญชา ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรงและก่อให้เกิดความเสียหายแก่นายจ้าง นายจ้างหักเงินประกันการทำงานได้ article
ค่าจ้างระหว่างพักงาน เมื่อข้อเท็จจริง ลูกจ้างกระทำความผิดจริง จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างระหว่างพักงาน article
“ นายจ้าง ” ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน มาตรา 5 article
สัญญารักษาความลับ ข้อมูลทางการค้า (ห้ามประกอบหรือรับปฏิบัติงานแข่งขันนายจ้าง) มีกำหนด 2 ปี บังคับใช้ได้ ไม่ขัดต่อกฎหมาย และการกำหนดค่าเสียหาย ถือเป็นเบี้ยปรับตามกฎหมาย ศาลปรับลดได้ตามสมควร article
เงินรางวัลการขายประจำเดือน จ่ายตามเป้าหมายการขาย ที่กำหนดไว้ ไม่ถือเป็นค่าจ้าง article
ค่าโทรศัพท์ เหมาจ่าย ถือเป็นค่าจ้าง article
ละทิ้งหน้าที่ 3 วันทำการ โดยไม่มีเหตุอันสมควร เลิกจ้างเป็นธรรมไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ลาออกมีผลใช้บังคับแล้ว ออกหนังสือเลิกจ้างภายหลังใช้บังคับไม่ได้ article
ตกลงรับเงิน ไม่ติดใจฟ้องร้องอีกถือเป็นการตกลงประนีประนอมกันบังคับได้ ไม่ขัดต่อกฎหมาย
เลิกจ้างระหว่างทดลองงาน ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
ข้อตกลงว่า “หากเกิดข้อพิพาทตามสัญญาจ้างแรงงาน ให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย” ไม่เกี่ยวกับสิทธิตามกฎหมายแรงงาน เมื่อเกิดสิทธิตามกฎหมาย ฟ้องศาลแรงงานได้ โดยไม่ต้องให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย article
เลิกจ้างด้วยเหตุอื่น อันมิใช่ความผิดเดิมที่เคยตักเตือน ไม่ใช่เหตุที่จะไม่จ่ายค่าชดเชย เลิกจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย article
นำรถยนต์ไปใช้ในกิจธุระส่วนตัว มีพฤติกรรมคดโกง ไม่ซื่อตรง พฤติกรรมส่อไปในทางทุจริต ไม่น่าไว้วางใจ ลงโทษปลดออกจากการทำงานได้ article
การกระทำที่กระทบต่อเกียรติ ชื่อเสียงของนายจ้าง และเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แม้กระทำนอกสถานที่ทำงานและนอกเวลางาน ก็ถือว่า ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานกรณีร้ายแรง article
สัญญาค้ำประกันการทำงานไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้ ต้องรับผิดชอบตลอดไป article
ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาเลิกจ้างได้ ถือว่าเลิกจ้างเป็นธรรมและความผิดที่ลงโทษแล้วจะนำมาลงโทษอีกไม่ได้ article
ผิดสัญญาจ้างไปทำงานกับคู่แข่ง นายจ้างฟ้องเรียกค่าเสียหายตามสัญญาได้ แต่ค่าเสียหาย เป็นดุลพินิจของศาลจะกำหนด article
จงใจกระทำผิดโดยผิดกฎหมายเป็นเหตุให้นายจ้างเสียหาย ถือว่า กระทำละเมิดต่อนายจ้าง ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น article
ตกลงสละสิทธิ์เรียกร้องค่าเสียหาย ภายหลังเลิกจ้าง ใช้บังคับได้ ไม่เป็นโมฆะ article
ก้าวร้าวไม่ให้ความเคารพผู้บังคับบัญชา ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริตเลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้ามิใช่ค่าจ้าง คิดดอกเบี้ยในอัตรา 7. 5 ต่อปี article
ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของนายจ้างในเรื่องส่วนตัวเป็นประจำ ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่กาปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริต เลิกจ้างเป็นธรรม article
สั่งให้พนักงานขับรถ ขับรถออกนอกเส้นทางแต่ไม่ได้มีส่วนในการขับรถ ถือว่าผิดต่อสัญญาจ้าง แต่ไม่ต้องรับผิดอันมีผลโดยตรงจากมูลละเมิด ( ขับรถโดยประมาท ) article
จ่ายของสมนาคุณให้ลูกค้า โดยไม่ตรวจสอบบิลให้ถูกต้อง มิใช่ความผิดกรณีร้ายแรงไม่ใช่การทุจริตต่อหน้าที่ แต่ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เสร็จลุล่วงไปโดยถูกต้อง และสุจริต เลิกจ้างได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
ฟ้องประเด็นละเมิด กระทำผิดสัญญาจ้าง ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง มีอายุความ 10 ปี article
ตกลงยินยอมให้หักค่าจ้างชำระหนี้ตามสัญญาค้ำประกันเงินกู้ นายจ้างสามารถหักค่าจ้างได้ตามหนังสือยินยอมโดยไม่ต้องฟ้อง article
กระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้างและประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง article
“ งานโครงการตามมาตรา 118 วรรค 4 ” บริษัทรับเหมาก่อสร้าง ว่าจ้างลูกจ้างทำงานตามโครงการที่รับเหมา ถือว่าจ้างงานในปกติธุรกิจของนายจ้าง มิใช่งานโครงการ article
เงินโบนัสต้องมีสภาพการเป็นพนักงานจนถึงวันกำหนดจ่าย ออกก่อนไม่มีสิทธิได้รับ article
ระเบียบกำหนดจ่ายเงินพิเศษ ( gratuity ) เนื่องจากเกษียณอายุ โดยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่ายแตกต่างจากการจ่ายค่าเชย ถือว่านายจ้างยังไม่ได้จ่ายค่าชดเยตามกฎหมาย article



Copyright © 2010 All Rights Reserved.

บริษัท กฎหมายปาระมี จำกัด

เลขที่ 511/4 ถนนประชาอุทิศ 117/1 แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร (10140)

โทร/Tel : 02 - 8159522, แฟกซ์/Fax : 02 - 8159523, มือถือ/Mobile : 081 - 7936156

อีเมล/E-mail : sawai.prm@gmail.com, เว็บไซต์/Web : www.parameelaw.com