ReadyPlanet.com
dot dot
dot
ชมรมบริหารงานบุคคล
dot
bulletสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย
bulletชมรมบริหารงานบุคคล
bulletชมรมบริหารงานบุคคล อยุธยา
bulletชมรมบริหารงานบุคคลรังสิต
bulletชมรมผู้บริหารงานบุคคล อมตะนคร
bulletสมาคมการบริหารงานบุคคล (PAAs)
bulletชมรมบริหารงานบุคคลบางพลี
bulletชมรมนักบริหารงานบุคคลพัทยา
bulletชมรมบริหารงานบุคคลยุคใหม่
bulletชมรมผู้บริหารงานบุคคลจังหวัดราชบุรี
bulletงานบริหารงานบุคคล
bulletชมรมงานบริหารงานบุคคลกรุงเทพฯ
bulletชมรมบริหารงานบุคลสุขสวัสดิ์
dot
ติดต่อราชการศาล
dot
bulletศาลแรงงานกลาง
bulletศาลแรงงานภาค ๒
bulletศาลยุติธรรม
bulletศาลปกครอง
bulletศาลรัฐธรมนูญ
bulletสำนักงานอัยการสูงสุด
bulletกระทรวงยุติธรรม
bulletคณะกรรมการกฤษฎีกา
bulletกรมบังคับคดี
bulletสภาทนายความ
dot
หน่วยงานราชการสำคัญ
dot
bulletกระทรวงแรงงาน
bulletกรมการจัดหางาน
bulletกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
bulletกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
bulletสำนักงานประกันสังคม
bulletกรมสรรพากร
bulletกรมบัญชีกลาง
bulletกรมพัฒนาธุรกิจกาค้า
bulletกระทรวงอุตสาหกรรม
bulletกรมโรงงานอุตสาหกรรม
bulletกรมส่งเสริมอุตสาหรม
bulletการนิคมอุตสาหกรรม
dot
ลิ้งค์เพื่อนบ้าน
dot
bulletสมบัติลีกัล
bulletเอกเซลสำหรับงาน HR โดย อ.สำเริง
bulletบทความดี ๆ จากโกป้อม
dot
อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ
dot
dot
Newsletter

dot


พยากรณ์อากาศวันนี้
..................................


ราคาน้ำมันวันนี้
..................................



อนุมัติสินเชื่อภายในวงเงิน แม้ภายหลังเป็นหนี้เสียไม่ถือว่ากระทำผิดต่อโจทก์ article

 

คำพิพากษาฎีกาที่ 6097/2551
 
อนุมัติสินเชื่อภายในวงเงิน แม้ภายหลังเป็นหนี้เสียไม่ถือว่ากระทำผิดต่อโจทก์
                                โจทก์ฟ้องว่า   โจทก์จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหาชนจำกัด โจทก์มอบอำนาจให้นายขจรเกียรติ พุฒซ้อน และนายอาคม ปรีชาวุฒิ เป็นผู้รับมอบอำนาจฟ้องคดีนี้ จำเลยเริ่มเข้าทำงานเป็นพนักงานของโจทก์เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2537 ต่อมาในวันที่ มกราคม 2538 โจทก์ได้มีคำสั่งแต่งตั้งจำเลยดำรงตำแหน่งรักษาการผู้จัดการสำนักเพชรบุรีและโจทก์มีคำสั่งเลิกจ้างจำเลยเมื่อวันที่ ตุลาคม 2539 เนื่องจากจำเลยใช้อำนาจเซ็นอนุมัติให้นายชัช พิพัฒน์ศิริ นำเช็คส่วนตัวมาขายลดให้แก่โจทก์อันเป็นการอนุมัติสินเชื่อโดยไม่ชอบรวม ครั้ง คือ เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2539 อนุมัติการขายลดเช็คธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์การ เลขที่ 0465884 ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2539 จำนวนเงิน 3,500,000 บาท และเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2539  อนุมัติการขายลดเช็คธนาคากรุงเทพฯพาณิชย์การเลขที่ 0465888 ลงวันที่  25 กันยายน 2539 จำนวนเงิน 1,050,000 บาท รวมเป็นเงิน 4,550,000 บาท และต่อมาเช็คทั้งสองฉบับโจทก์ไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายจากการอนุมัติโดยฝ่าฝืนระเบียบของจำเลย จำเลยจึงต้องชดใช้คืนเงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินตามเช็คแต่ละฉบับแต่วันที่เช็คถึงกำหนดชำระจนถึงวันฟ้องรวมเป็นเงินดอกเบี้ย 2,918,856.16 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 7,468,856.16 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 4,550,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
 
 
                            จำเลยให้การว่า จำเลยได้อนุมัติสินเชื่อไปตามอำนาจหน้าที่และตามระเบียบคำสั่ง ตลอดจนทางปฏิบัติของโจทก์ทุกประการ ทั้งได้กระทำไปด้วยความซื่อสัตย์สุจริตโดยมุ่งถึงประโยชน์สูงสุดที่โจทก์จะได้รับเป็นสำคัญ ไม่มีเจตนาทุจริตเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่บุคคลภายนอกทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ทั้งการอนุมัติสินเชื่อขายลดเช็คตามฟ้องยังทำให้โจทก์มีหลักประกันในการที่จะได้รับชำระหนี้จากลูกหนี้มั่นคงยิ่งขึ้นเพราะการที่จำเลยอนุมัติให้ขายลดเช็คจำนวน 3,500,000 บาท โดยมีจุดประสงค์เพื่อชำระเช็คคืนจำนวน 3,300,000 บาท ส่วนที่เหลือให้โอนเข้าบัญชีกระแสรายวันของลูกหนี้ ส่วนที่จำเลยอนุมัติให้ขายลดเช็คจำนวน 1,050,000 บาท นั้นมีจุดประสงค์เพื่อลดยอดวงเงินเบิกเกินบัญชีของลูกหนี้ด้วย เหตุนี้การที่จำเลยอนุมัติให้ขายลดเช็คทั้งสองครั้งจึงไม่ใช่กรณีลูกหนี้ขออนุมัติสินเชื่อครั้งใหม่แล้วได้สินเชื่อไปตามที่ได้รับอนุมัติแต่เป็นการขอสินเชื่อเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่เดิมแก่โจทก์และทำให้โจทก์มีหลักประกันในการที่จะได้รับชำระหนี้คืนมั่นคงยิ่งขึ้น เพราะหนี้ที่มีอยู่เดิมนั้นโจทก์สามารถบังคับชำระหนี้จากลูกหนี้ได้เฉพาะการฟ้องร้องในทางแพ่งเท่านั้น ส่วนหลักประกันใหม่กรณีที่ลูกหนี้นำเช็คมาขายลดเช่นนี้ นอกจากสามารถบังคับชำระหนี้กับลูกหนี้ในทางแพ่งแล้วยังทำให้โจทก์สามารถบังคับชำระหนี้จากลูกหนี้ในทางอาญาเพิ่มขึ้นด้วย การกระทำของจำเลยจึงไม่ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายใดๆ จากจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
 
 
                        ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
 
 
                            โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
 
 
                        ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยเป็นลูกจ้างของโจทก์ มีตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายประจำสำนักงานกรรมการผู้จัดการใหญ่ ได้รับคำสั่งให้ไปรักษาการในตำแหน่งผู้จัดการสำนักเพชรบุรี ต่อมาวันที่ 29 มีนาคม 2539 จำเลยได้อนุมัติขายลดเช็คธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์การ เลขที่ 0465884 ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2539 ของนายชัช พิพัฒน์ศิริ ลูกค้าเบิกเงินเกินบัญชีของโจทก์สำนักเพชรบุรีที่นำมาขายลดให้ในวงเงิน 3,500,000 บาท โดยมีเงื่อนไขให้นำเงินจากการขายลดเช็คจำนวน 3,300,000 บาท แล้วเรียกเก็บเงินตามเช็คไม่ได้ ส่วนที่เหลือ 200,000 บาท ให้นำไปชำระหนี้เบิกเงินเกินบัญชีของนายชัช ตามใบขออนุมัติวงเงินชั่วคราวหรือเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขสินเชื่อเอกสารหมาย จ.8 และต่อมาวันที่ 25 มิถุนายน 2539 (ที่ถูก วันที่ 28  มิถุนายน 2539) จำเลยยังได้อนุมัติการขายลดเช็คให้แก่นายชัชอีก 1 ฉบับ เป็นเช็คธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์การเช่นกัน เลขที่ 0465888 ลงวันที่ 25  กันยายน 2539 ในวงเงิน 1,050,000 บาท โดยมีเงื่อนไขให้นำเงินจำนวนดังกล่าวไปหักยอดหนี้เบิกเงินเกินบัญชีของนายชัชเช่นกันตามเอกสารหมาย จ.9 ต่อมาเมื่อเช็คทั้งสองฉบับถึงกำหนดชำระโจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คไม่ได้ แล้วินิจฉัยว่า หลังจากที่โจทก์มีคำสั่งที่ 66/2537 ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2537 เป็นต้นไปแล้ว ต่อมาโจทก์ได้มีคำสั่งที่ 47/2538 เรื่องปรับปรุงอำนาจอนุมัติวงเงินซิสเทม ลิมิต ของสำนักงานใหญ่ตามเอกสารหมาย ล.2 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2538 เป็นต้นไป โดยคำสั่งที่ 47/2538 ระบุว่า ตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายหรือผู้จัดการสำนักงานภาค (ซึ่งเทียบเท่าตำแหน่งของจำเลย) มีอำนาจอนุมัติวงเงินชั่วคราวในวงเงินไม่เกิน 7 ล้านบาท และต่อมาโจทก์ยังได้มีคำสั่งที่ 54/2539 เรื่องปรับปรุงอำนาจอนุมัติวงเงินซิสเทม ลิมิต ของสำนักงานใหญ่ตามเอกสารหมาย ล.1 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2539 ให้ยกเลิกคำสั่งของโจทก์ที่ 47/2538 โดยได้แก้ไขเพิ่มเติมเฉพาะอำนาจอนุมัติวงเงินในตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการเท่านั้น ส่วนอำนาจอนุมัติวงเงินในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายหรือเทียบเท่าตำแหน่งของจำเลยยังคงมีอำนาจอนุมัติสินเชื่อชั่วคราวในวงเงินไม่เกิน 7 ล้านบาท เช่นเดิม ดังนั้นคำสั่งของโจทก์ที่ 66/2537 เฉพาะแผ่นที่ 5 ข้อ 1.6 จึงถูกยกเลิกโดยคำสั่งของโจทก์ที่ 47/2538 และแม้ต่อมาคำสั่งของโจทก์ที่ 47/2538 ก็ถูกยกเลิกโดยคำสั่งของโจทก์ที่ 54/2539 ก็ตามแต่คำสั่งของโจทก์ที่ 54/2539 ก็แก้ไขเพิ่มเติมเฉพาะอำนาจอนุมัติวงเงินในตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการเท่านั้น ส่วนอำนาจอนุมัติวงเงินในตำแหน่งอื่นยังคงเป็นไปตามคำสั่งของโจทก์ที่ 47/2538 ดังนั้นขณะที่จำเลยอนุมัติวงเงินชั่วคราวที่นายชัชนำเช็คฉบับแรกคดีนี้มาขายลดให้เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2539 จึงต้องนำคำสั่งของโจทก์ที่ 47/2538 มาใช้บังคับ ส่วนที่จำเลยอนุมัติวงเงินชั่วคราวที่นายชัชนำเช็คฉบับที่สองคดีนี้มาขายลดให้เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2539 (ที่ถูก วันที่ 28 มิถุนายน 2539) ต้องนำคำสั่งของโจทก์ฉบับที่ 54/2539 มาใช้บังคับ แต่เนื่องจากคำสั่งของโจทก์ที่ 47/2538 และที่ 54/2539 ในส่วนตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายหรือเทียบเท่าตำแหน่งของจำเลยมีอำนาจอนุมัติวงเงินไม่เกิน 7 ล้านบาท ไม่มีการเปลี่ยนแปลงและไม่ได้ระบุว่าอนุมัติสินเชื่อชั่วคราวจะต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันแล้ว ดังนั้นการที่จำเลยอนุมัติให้ขายลดเช็คทั้งสองครั้งตามเอกสารหมาย จ.8 ในวงเงิน 3,500,000 บาท และตามเอกสารหมาย จ.9 ในวงเงิน 1,050,000 บาท แม้ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันจำเลยก็มีอำนาจอนุมัติได้ ส่วนข้อบังคับตามคำสั่งของโจทก์ที่ 66/2537 เอกสารหมาย จ.10 แผ่นที่ 5 ข้อ 1.6 ที่กำหนดเวลาให้สินเชื่อภายในระยะเวลาไม่เกิน 30 วัน และไม่เกินร้อยละ 10 ของวงเงินเบิกเกินบัญชีนั้น ก็ถูกยกเลิกโดยคำสั่งของโจทก์ที่ 47/2538 และที่ 54/2539 แล้ว การที่จำเลยได้อนุมัติขาดลดเช็คทั้งสองครั้งตามฟ้องให้แก่นายชัชโดยกระทำไปภายใต้กฎระเบียบข้อบังคับและคำสั่งของโจทก์จึงไม่เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายใด ๆ ให้แก่โจทก์
 
 
                            มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า การอนุมัติขายลดเช็คของจำเลยฝ่าฝืนระเบียบคำสั่งอนุมัติสินเชื่อของโจทก์หรือไม่ โดยโจทก์อุทธรณ์ว่า คำสั่งของโจทก์ที่ 66/2537 เป็นคำสั่งหลักที่วางระเบียบการอนุมัติสินเชื่อของโจทก์ทั้งที่เป็นตัวเงินและไม่เป็นตัวเงิน ในกรณีมีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน ประเภทมีสัญญาและประเภทชั่วคราวไม่มีสัญญา ประเภทอยู่ในวงเงินและเกินวงเงิน ซึ่งโจทก์ใช้คำสั่งนี้เป็นเงื่อนไขการพิจารณาและอนุมัติสินเชื่อตลอดมา หากมีการเปลี่ยนแปลงโจทก์ก็จะต้องประกาศยกเลิกคำสั่งดังกล่าวเพื่อใช้คำสั่งใหม่แทน แต่ขณะที่จำเลยอนุมัติสินเชื่อขาดลดเช็คนั้น ยังไม่มีคำสั่งใดที่ยกเลิกคำสั่งดังกล่าว การพิจารณาและอนุมัติให้เกินวงเงินในสัญญาเป็นการชั่วคราวจึงต้องอยู่ภายในระยะเวลาไม่เกิน 30 วัน ทั้งนี้ให้หมายรวมถึงส่วนที่เกินวงเงินในสัญญาอยู่เดิมแล้วทั้งนี้จะต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของวงเงินรวมส่วนคำสั่งที่ 47/2538 และที่ 54/2539 เป็นคำสั่งเกี่ยวกับระบบซิสเทม ลิมิตหมายถึงวงเงินในระบบงานออนไลน์เพื่อให้การปฏิบัติงานในระบบงานออไลน์บัญชีกระแสรายวันและการบริหารสภาพคล่องของธนาคารในแต่ละช่วงเวลามีความคล่องตัว จึงมีคำสั่งปรับวงเงินซิสเทม ลิมิต คำสั่งดังกล่าวไม่ใช่ระเบียบเกี่ยวกับการอนุมัติสินเชื่อ ทั้งอำนาจการอนุมัติวงเงินตามคำสั่งที่ 47/2538 และที่ 54/2539 เป็นกรณีวงเงินเบิกเกินบัญชีที่มีสัญญาประเภทเกินวงเงินเกินบัญชีชั่วคราวที่ไม่มีสัญญาและวงเงินให้กู้ยืมประเภทตั๋วสัญญาใช้เงินที่เกินวงเงินและไม่มีวงเงินเป็นการชั่วคราวซึ่งเกินกว่าซิสเทม ลิมิต (เดิม) ของผู้จัดการการสำนัก/สาขาเท่านั้น ไม่ใช่เกี่ยวกับสินเชื่อประเภทขายลดเช็ค คำสั่งดังกล่าวจึงไม่ได้ยกเลิกคำสั่งที่ 66/2537 มีเพียงคำสั่งที่ 54/2539 ที่ยกเลิกคำสั่งที่ 47/2538 เมื่อคำสั่งที่ 66/2537 ยังคงใช้บังคับการอนุมัติสินเชื่อของจำเลยจึงเป็นการกระทำที่ผิดระเบียบข้อบังคับของโจทก์ พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า อำนาจอนุมัติให้สินเชื่อหรืออนุมัติให้ขายลดเช็คของจำเลยซึ่งเทียบเท่าผู้จัดการฝ่ายจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของโจทก์ที่ 66/2537 ตามเอกสารหมาย จ.10 แผ่นที่ 5 ข้อ 1.6 ที่ระบุว่า การพิจารณาและอนุมัติให้เกินวงเงินในสัญญาเป็นการชั่วคราวภายในระยะเวลาไม่เกิน 30 วัน ทั้งนี้ให้หมายความรวมถึงส่วนที่เกินวงเงินในสัญญาอยู่เดิมแล้ว ทั้งนี้ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของวงเงินรวมตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายวงเงินอนุมัติไม่เกิน  3 ล้านบาท โจทก์สั่ง ณ วันที่ 17 มิถุนายน 2537 มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2537 เป็นต้นไป ต่อมาโจทก์มีคำสั่งที่ 47/2538 เรื่องปรับปรุงอำนาจอนุมัติวงเงินซิสเทม ลิมิต ของสำนักงานใหญ่โดยระบุตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายหรือเทียบเท่าตำแหน่งของจำเลย มีอำนาจอนุมัติชั่วคราวในวงเงินไม่เกิน 7 ล้านบาท โจทก์สั่ง ณ วันที่ 2 มกราคม 2538 มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2538 เป็นต้นไป ตามเอกสารหมาย  ล.2 ต่อมาโจทก์มีคำสั่งที่ 54/2539 เรื่องปรับปรุงอำนาจอนุมัติวงเงินซิสเทม ลิมิต ของสำนักงานใหญ่โดยแก้ไขเพิ่มเติมเฉพาะอำนาจอนุมัติวงเงินในตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนอำนาจอนุมัติวงเงินในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายหรือเทียบเท่าตำแหน่งของจำเลยยังคงเหมือนเดิมในวงเงินไม่เกิน 7 ล้านบาท คำสั่งฉบับนี้ให้ยกเลิกคำสั่งที่ 47/2538 ลงวันที่ 2 มกราคม 2538 โดยโจทก์สั่ง ณ วันที่ 19 เมษายน 2539 มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2539 ตามเอกสารหมาย ล.1 เห็นว่า การอนุมัติสินเชื่อชั่วคราวในระบบซิสเทม ลิมิต นั้น จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการฝ่ายในขณะนั้นจะมีอำนาจอนุมัติวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 3 ล้านบาท ตามคำสั่งที่ 66/2537 หรือมีอำนาจอนุมัติวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 7 ล้านบาท ตามคำสั่งที่ 47/2538 และที่ 54/2539 นั้น ก็จะต้องพิจารณาว่ามีการขออนุมัติขยายวงเงินสินเชื่อเมื่อใด ซึ่งหากอยู่ในช่วงที่คำสั่งที่   66/2537 มีผลใช้บังคับ จำเลยก็มีอำนาจอนุมัติวงเงินได้ไม่เกิน 3 ล้านบาท แต่หากอยู่ในช่วงที่คำสั่งที่ 47/2538 และที่ 54/2539 มีผลใช้บังคับแล้ว จำเลยก็มีอำนาจอนุมัติวงเงินได้ไม่เกิน 7 ล้านบาท สำหรับคดีนี้จำเลยได้อนุมัติวงเงินขายลดเช็คครั้งแรกให้แก่นายชัช ตามเอกสารหมาย จ.8 เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2539 อยู่ในช่วงที่คำสั่งที่ 47/2538 ตามเอกสารหมาย ล.8 มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2538 เป็นต้นไป ส่วนครั้งที่สองจำเลยอนุมัติวงเงินขายลดเช็คให้แก่นายชัชตามเอกสารหมาย จ.9 เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2539 อยู่ในช่วงที่คำสั่งที่ 54/2539 ตามเอกสารหมาย ล.1 มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2539 เป็นต้นไป อำนาจของจำเลยในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อชั่วคราวชายลดเช็คให้แก่นายชัชคดีนี้ครั้งแรกจึงต้องใช้คำสั่งของโจทก์ที่ 47/2538 บังคับใช้ ส่วนครั้งที่สองต้องใช้คำสั่งของโจทก์ที่ 54/2539 บังคับใช้ แต่ทั้งสองคำสั่งดังกล่าวได้ให้อำนาจจำเลยในการอนุมัติสินเชื่อได้ในวงเงินไม่เกิน 7 ล้านบาท เหมือนกันและไม่ได้กำหนดเงื่อนไขระยะเวลาในการอนุมัติและให้ได้ไม่เกินร้อยละเท่าไรของวงเงินเบิกเงินเกินสัญญาเช่นที่กำหนดเงื่อนไขได้ในคำสั่งที่ 66/2537 ข้อ 1.6 ดังกล่าวมาแล้วและไม่ได้กำหนดเรื่องต้องมีหลักประกันด้วย ดังนั้นการที่จำเลยอนุมัติขายลดเช็คให้แก่นายชัชคดีนี้ครั้งแรกวงเงิน 3,500,000 บาท  และครั้งที่สองวงเงิน 1,050,000 บาท จึงไม่เกินอำนาจอนุมัติของจำเลยตามที่กำหนดไว้ในคำสั่งที่ 47/2538 และที่ 54/2539 ไม่เกิน 7 ล้านบาท การอนุมัติขายลดเช็คของจำเลยคดีนี้จึงไม่ได้ฝ่าฝืนระเบียบคำสั่งอนุมัติสินเชื่อของโจทก์ จึงไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชอบใช้ค่าเสียหายใดๆ ให้แก่โจทก์ตามฟ้อง ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
 
 
 
                                พิพากษายืน
 



อัพเดท ฎีกาน่าสนใจ

ขึ้นทะเบียนรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเกิน ๓๐ วัน ยังมีสิทธิได้รับเงินประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานได้ article
ลักษณะความผิดเดียวกัน แต่ระดับความร้ายแรงแตกต่างกัน นายจ้างพิจารณาลงโทษแตกต่างกันได้ article
ผู้จัดการสาขา เสนอรายชื่อลูกค้าที่ขาดคุณสมบัติทำประกันชีวิต ถือว่าจงใจทำให้นายจ้างเสียหาย / ผิดร้ายแรง article
หยุดกิจการชั่วคราวตาม มาตรา ๗๕ article
สัญญาจ้างเป็นสัญญาต่างตอบแทน นายจ้างออกค่าใช้จ่ายในการเข้าทดสอบเพื่อรับเกียรติบัตร เมื่อทดสอบผ่านต้องทำงานกับนายจ้าง ๕ ปี บังคับใช้ได้ article
ศาลแรงงานกลางมีอำนาจสั่งรับพยานเอกสารได้ แม้ไม่ได้ส่งสำเนาให้คู่ความอีกฝ่ายก็ตาม article
ประกอบธุรกิจแข่งขัน / ไปทำงานกับนายจ้างอื่น ในลักษณะผิดต่อสัญญาจ้าง เมื่อลูกจ้างได้ชดใช้ค่าเสียหายแก่นายจ้างตามสัญญาแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะบังคับ / ห้ามทำงานตามเงื่อนไขในสัญญาจ้างอีกต่อไป article
คดีแรงงานเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา แม้คดีอาญายกฟ้อง แต่พฤติกรรมการกระทำผิด เป็นเหตุให้นายจ้างไม่อาจไว้วางใจในการทำงานได้ ถือเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
เลิกจ้างเนื่องจากปรับโครงสร้างองค์กร แต่กำหนดรายชื่อไว้ล่วงหน้า ถือเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม article
การหักลบกลบหนี้ หนี้อันเกิดจากสัญญาจ้าง กรณีลูกจ้างกระทำผิดกับสิทธิประโยชน์ที่มีสิทธิได้รับตามสัญญาจ้าง ถือเป็นมูลหนี้อันเป็นวัตถุอย่างเดียวกันหักลบกลบหนี้กันได้ article
เล่นการพนันฉลากกินรวบ เป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน กรณีร้ายแรง article
กรณีไม่ถือเป็นการประกอบธุรกิจแข่งขันหรือไม่ถือว่าทำงานกับนายจ้างใหม่ในลักษณะธุรกิจเดียวกับนายจ้าง article
สัญญาฝึกอบรม นายจ้างกำหนดเบี้ยปรับได้ เป็นสัญญาที่เป็นธรรม article
ค้ำประกันการทำงาน หลักประกันการทำงาน การหักลบกลบหนี้ค่าเสียหายจากการทำงาน article
ใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์แต่ตนเอง เรียกรับเงินจากลูกค้า ถือเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ article
ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา มาทำงานสายประจำ ถือว่า กระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่เลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
สหภาพแรงงานทำบันทักข้อตกลงเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างกับนายจ้าง อันส่งผลกระทบต่อสิทธิหน้าที่ของสมาชิก ขัดกับข้อตกลงเดิมและมิได้ขอมติที่ประชุมใหญ่ ข้อตกลงดังกล่าวไม่อาจใช้บังคับได้ article
ขอเกษียณอายุก่อนกำหนดตามประกาศ ถือเป็นการสมัครใจเลิกสัญญาจ้างแรงงานต่อกัน มิใช่การเลิกจ้างหรือการเกษียณอายุ จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชยตามระเบียบกรณีเกษียณอายุ article
สถาบันวิจัยอันเป็นส่วนหนึ่งของกิจการมหาวิทยาลัยถือเป็นหน่วยงานของรัฐ ได้รับยกเว้น ไม่อยู่ภายใต้บังคับตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน มาตรา ๔ (๑) article
สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า จากการเลิกจ้างมีอายุความฟ้องร้องได้ภายใน ๑๐ ปี article
ทะเลาะวิวาทเรื่องส่วนตัวไม่ส่งผลกระทบต่อการบังคับบัญชา ไม่เป็นความผิด กรณีร้ายแรง ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ article
พี่น้องร่วมบิดา มารดาเดียวกัน มิใช่ทายาทผู้มีสิทธิรับเงินประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ และเงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต ตามพระราชบัญญัติ ประกันสังคม มาตรา ๗๓ และมาตรา ๗๗ article
ขับรถเร็วเกินกว่าข้อบังคับกำหนด เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
ฝ่าฝืนคำสั่งโยกย้าย เลิกจ้างได้ ถือเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
ประกาศใช้ระเบียบใหม่ ไม่ปรากฏว่ามีพนักงานโต้แย้งคัดค้าน ถือว่าทุกคนยินยอมปฏิบัติตามระเบียบ article
เงินค่าตอบแทนพิเศษกับเงินโบนัส มีเงื่อนไขต่างกัน หลักเกณฑ์การจ่ายต่างกัน จึงต้องพิจารณาต่างกัน article
ทายาทผู้มีสิทธิได้รับเงินกองทุนเงินทดแทน article
ค่ารถแทนรถยนต์ประจำตำแหน่ง ไม่ถือเป็นค่าจ้าง และ ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีสะสมให้ถือตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานที่กำหนดไว้ article
เจรจาให้ลาออก ลูกจ้างไม่ตกลง ขอเวลาตัดสินใจและหยุดงานไป นายจ้างแจ้งให้กลับเข้าทำงานตามปกติ ถือว่านายจ้างยังไม่มีเจตนาเลิกจ้าง article
ละทิ้งหน้าที่ แอบนอนหลับในเวลาทำงาน ถือเป็นเหตุในการเลิกจ้างได้ เลิกจ้างเป็นธรรม article
ลาออกโดยไม่สุจริต ไม่มีผลใช้บังคับ article
ทำความผิดคล้ายคลึงกันแต่ไม่เหมือนกัน พิจารณาลงโทษแตกต่างกันได้ article
ประกอบธุรกิจ บริการ ด่าลูกค้าด้วยถ้อยคำหยาบคาย " ควาย " ถือเป็นการกระทำความผิดกรณีร้ายแรง article
ข้อบังคับ ระบุให้ผู้บังคับบัญชาเหนือกว่ามีอำนาจแก้ไข เพิ่มโทษ หรือลดโทษได้ การยกเลิกคำสั่งลงโทษเดิมและให้ลงโทษใหม่หนักกว่าเดิมจึงสามารถทำได้ article
เลือกปฏิบัติในการลงโทษระเบียบการห้ามใส่ตุ้มหูมาทำงาน บังคับใช้ได้ แต่เลือกปฏิบัติในการลงโทษไม่ได้ article
ลงโทษพักงานโดยไม่จ่ายค่าจ้างและเตือนในคราวเดียวกันได้ ตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน article
จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย article
ข้อตกลงรับเงินและยินยอมปลดหนี้ให้แก่กัน ถือเป็นการตกลงระงับข้อพิพาทแม้จะทำขึ้นก่อนคำสั่งเลิกจ้างมีผลใช้บังคับ article
ศาลแรงงานมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานที่คู่ความอ้างส่งศาลได้ แม้มิได้ระบุบัญชีพยานไว้ก็ตาม article
สัญญาจ้างห้ามลูกจ้างไปทำงานกับนายจ้างใหม่ที่ประกอบธุรกิจเช่นเดียวกันมีกำหนดเวลา บังคับใช้ได้ article
เลิกจ้างและรับเงินค่าชดเชย ใบรับเงิน ระบุขอสละสิทธิ์เรียกร้องเงินอื่นใดใช้บังคับได้ ลูกจ้างไม่มีสิทธิ์ฟ้องร้องสินจ้างและค่าเสียหายได้อีก article
เกษียณอายุ 60 ปี ลูกจ้างมีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชยนับแต่วันครบกำหนดเกษียณอายุ แม้นายจ้างไม่ได้บอกเลิกจ้างก็ตาม article
ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องและเพิกเฉยไม่ดูแลผลประโยชน์ของนายจ้าง เป็นเหตุให้นายจ้างไม่ไว้วางใจในการทำงานได้เป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
ละเลยต่อหน้าที่ ไม่รายงานเคพีไอ นายจ้างตักเตือนแล้ว ถือว่าผิดซ้ำคำเตือน เลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ทำสัญญาจ้างต่างด้าวทำงานในอาชีพต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าว สัญญาจ้างถือเป็นโมฆะ article
ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง article
ศาลมีคำสั่งให้งดสืบพยาน แล้วพิพากษาตามหลักฐานที่ปรากฏในสำนวน ในขณะที่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทยังมีข้อโต้แย้งกันอยู่ ข้อเท็จจริงยังรับฟังไม่ยุติ ต้องสืบพยานใหม่และพิพากษาใหม่ไปตามรูปคดี article
แม้สัญญาจ้างไม่ได้ระบุระยะเวลาทดลองงานไว้ แต่นายจ้างก็สามารถประเมินผลการทำงานของลูกจ้างได้ article
การควบรวมกิจการ สิทธิและหน้าที่โอนไปเป็นของบริษัทใหม่ การจ่ายเงินสมทบบริษัทใหม่ที่ควบรวมจึงมีสิทธิจ่ายเงินสมทบในอัตราเดิมตามสิทธิ มิใช่ในอัตราบริษัทตั้งใหม่ article
เลิกจ้างรับเงินค่าชดเชยแล้วตกลงสละสิทธิ์จะไม่เรียกร้องผละประโยชน์ใดๆ ถือว่าสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายเป็นอันระงับไป article
รับเหมาก่อสร้าง ผู้รับเหมาต้องรับผิดชอบ จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมแทนผู้รับเหมาช่วง หากผู้รับเหมาช่วงไม่นำส่งเงินสมทบตามกฎหมายโดยคำนวณจากอัตราค่าจ้างที่ระบุตามแบบ ( ภ.ง.ด. 50 ) และบัญชีงบดุล article
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานระบุห้ามทะเลาะวิวาทหรือทำร้ายร่างกาย ผู้บังคับบัญชา เพื่อนพนักงาน ทั้งในสถานที่ทำงาน หรือสถานที่อื่นๆ ฝ่าฝืนถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง ใช้บังคับได้ไม่ขัดต่อกฎหมาย article
ไส้ติ่งอักเสบ แพทย์วินิจฉัยให้ผ่าตัด ถือเป็นกรณีฉุกเฉิน เบิกค่ารักษาได้ มีสิทธิรับเงินทดแทนค่าบริการทางการแพทย์ได้ article
ค่าเช่าที่พัก ค่าใช้จ่ายเดินทางเป็นสวัสดิการไม่ถือเป็นค่าจ้าง article
ค่ารถยนต์ซึ่งกำหนดเป็นสวัสดิการไว้ชัดเจนแยกจากฐานเงินเดือนปกติ ถือเป็นสวัสดิการไม่ใช่ค่าจ้าง article
ละเมิดข้อตกลงสภาพการจ้าง ละเมิดสัญญาจ้าง มีอายุความ 10 ปี มิใช่ 1 ปี article
พฤติกรรมการจ้างที่ถือว่าเป็นการจ้างแรงงาน ถือเป็นลูกจ้าง / นายจ้างตามกฎหมาย article
พนักงานขายรถยนต์ไม่ปฏิบัติหน้าที่ประจำบูธ ตามที่ได้รับมอบหมาย ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
เลือกตั้งคณะกรรมการสหภาพฯ ขัดต่อข้อบังคับสหภาพหรือขัดต่อกฎหมาย ถือว่าเป็นการเลือกตั้งที่ไม่ชอบ article
ฝ่าฝืนสัญญาจ้าง กรณีห้ามทำการแข่งขันกับนายจ้างหรือทำธุรกิจคล้ายคลึงกับนายจ้างเป็นเวลา 2 ปี นับจากสิ้นสุดสัญญาต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่นายจ้าง article
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน ระบุให้นายจ้างเลิกจ้างเพราะเหตุคนล้นงาน ปรับลด ขนาดองค์กรได้ ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะเลิกจ้างลูกจ้างได้ article
ข้อบังคับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กรณีตัดสิทธิ์รับเงินสมทบพร้อมผลประโยชน์หากกระทำผิดถูกปลดออกจากงานบังคับใช้ได้ article
ทะเลาะวิวาทกัน นอกเวลางาน นอกบริเวณบริษัทฯ ไม่ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
ฝ่าฝืนไม่ไปตรวจสารเสพติดซ้ำตามคำสั่งและนโยบาย ถือว่าฝ่าฝืน ข้อบังคับ หรือ ระเบียบ กรณีร้ายแรง article
วันหยุดพักผ่อนประจำปีตามส่วน article
เป็นลูกจ้างที่มีอำนาจกระทำการแทนนายจ้างในการจ้างงาน ไม่มีสิทธิได้รับค่าทำงานในวันหยุด และลักทรัพย์เอาต้นไม้ของนายจ้างไป ถือว่ากระทำผิดอาญาแก่นายจ้าง เลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ผลการทำงานดีมาโดยตลอดและไม่เคยกระทำผิดมาก่อน แต่ปีสุดท้ายผลงานต่ำกว่ามาตรฐาน ไม่ถือเป็นเหตุที่จะอ้างในการเลิกจ้าง article
ได้รับบาดเจ็บรายการเดียว เข้ารักษา 2 ครั้ง ถือว่าเป็นการรักษารายการเดียว นายจ้างสำรองจ่ายเพิ่มเติมไม่เกิน 50,000 บาท ไม่ใช่ 200,000 บาท article
ผู้บริหารบริษัท ฯ ถือเป็นลูกจ้างหรือไม่ ดูจาก_________ ? article
ขับรถออกนอกเส้นทาง แจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อผู้บังคับบัญชา ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรงและก่อให้เกิดความเสียหายแก่นายจ้าง นายจ้างหักเงินประกันการทำงานได้ article
ค่าจ้างระหว่างพักงาน เมื่อข้อเท็จจริง ลูกจ้างกระทำความผิดจริง จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างระหว่างพักงาน article
“ นายจ้าง ” ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน มาตรา 5 article
สัญญารักษาความลับ ข้อมูลทางการค้า (ห้ามประกอบหรือรับปฏิบัติงานแข่งขันนายจ้าง) มีกำหนด 2 ปี บังคับใช้ได้ ไม่ขัดต่อกฎหมาย และการกำหนดค่าเสียหาย ถือเป็นเบี้ยปรับตามกฎหมาย ศาลปรับลดได้ตามสมควร article
เงินรางวัลการขายประจำเดือน จ่ายตามเป้าหมายการขาย ที่กำหนดไว้ ไม่ถือเป็นค่าจ้าง article
ค่าโทรศัพท์ เหมาจ่าย ถือเป็นค่าจ้าง article
ละทิ้งหน้าที่ 3 วันทำการ โดยไม่มีเหตุอันสมควร เลิกจ้างเป็นธรรมไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ลาออกมีผลใช้บังคับแล้ว ออกหนังสือเลิกจ้างภายหลังใช้บังคับไม่ได้ article
ตกลงรับเงิน ไม่ติดใจฟ้องร้องอีกถือเป็นการตกลงประนีประนอมกันบังคับได้ ไม่ขัดต่อกฎหมาย
เลิกจ้างระหว่างทดลองงาน ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
ข้อตกลงว่า “หากเกิดข้อพิพาทตามสัญญาจ้างแรงงาน ให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย” ไม่เกี่ยวกับสิทธิตามกฎหมายแรงงาน เมื่อเกิดสิทธิตามกฎหมาย ฟ้องศาลแรงงานได้ โดยไม่ต้องให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย article
เลิกจ้างด้วยเหตุอื่น อันมิใช่ความผิดเดิมที่เคยตักเตือน ไม่ใช่เหตุที่จะไม่จ่ายค่าชดเชย เลิกจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย article
นำรถยนต์ไปใช้ในกิจธุระส่วนตัว มีพฤติกรรมคดโกง ไม่ซื่อตรง พฤติกรรมส่อไปในทางทุจริต ไม่น่าไว้วางใจ ลงโทษปลดออกจากการทำงานได้ article
การกระทำที่กระทบต่อเกียรติ ชื่อเสียงของนายจ้าง และเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แม้กระทำนอกสถานที่ทำงานและนอกเวลางาน ก็ถือว่า ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานกรณีร้ายแรง article
สัญญาค้ำประกันการทำงานไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้ ต้องรับผิดชอบตลอดไป article
ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาเลิกจ้างได้ ถือว่าเลิกจ้างเป็นธรรมและความผิดที่ลงโทษแล้วจะนำมาลงโทษอีกไม่ได้ article
ผิดสัญญาจ้างไปทำงานกับคู่แข่ง นายจ้างฟ้องเรียกค่าเสียหายตามสัญญาได้ แต่ค่าเสียหาย เป็นดุลพินิจของศาลจะกำหนด article
จงใจกระทำผิดโดยผิดกฎหมายเป็นเหตุให้นายจ้างเสียหาย ถือว่า กระทำละเมิดต่อนายจ้าง ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น article
ตกลงสละสิทธิ์เรียกร้องค่าเสียหาย ภายหลังเลิกจ้าง ใช้บังคับได้ ไม่เป็นโมฆะ article
ก้าวร้าวไม่ให้ความเคารพผู้บังคับบัญชา ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริตเลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้ามิใช่ค่าจ้าง คิดดอกเบี้ยในอัตรา 7. 5 ต่อปี article
ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของนายจ้างในเรื่องส่วนตัวเป็นประจำ ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่กาปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริต เลิกจ้างเป็นธรรม article
สั่งให้พนักงานขับรถ ขับรถออกนอกเส้นทางแต่ไม่ได้มีส่วนในการขับรถ ถือว่าผิดต่อสัญญาจ้าง แต่ไม่ต้องรับผิดอันมีผลโดยตรงจากมูลละเมิด ( ขับรถโดยประมาท ) article
จ่ายของสมนาคุณให้ลูกค้า โดยไม่ตรวจสอบบิลให้ถูกต้อง มิใช่ความผิดกรณีร้ายแรงไม่ใช่การทุจริตต่อหน้าที่ แต่ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เสร็จลุล่วงไปโดยถูกต้อง และสุจริต เลิกจ้างได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
ฟ้องประเด็นละเมิด กระทำผิดสัญญาจ้าง ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง มีอายุความ 10 ปี article
ตกลงยินยอมให้หักค่าจ้างชำระหนี้ตามสัญญาค้ำประกันเงินกู้ นายจ้างสามารถหักค่าจ้างได้ตามหนังสือยินยอมโดยไม่ต้องฟ้อง article
กระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้างและประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง article
“ งานโครงการตามมาตรา 118 วรรค 4 ” บริษัทรับเหมาก่อสร้าง ว่าจ้างลูกจ้างทำงานตามโครงการที่รับเหมา ถือว่าจ้างงานในปกติธุรกิจของนายจ้าง มิใช่งานโครงการ article
เงินโบนัสต้องมีสภาพการเป็นพนักงานจนถึงวันกำหนดจ่าย ออกก่อนไม่มีสิทธิได้รับ article
ระเบียบกำหนดจ่ายเงินพิเศษ ( gratuity ) เนื่องจากเกษียณอายุ โดยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่ายแตกต่างจากการจ่ายค่าเชย ถือว่านายจ้างยังไม่ได้จ่ายค่าชดเยตามกฎหมาย article



Copyright © 2010 All Rights Reserved.

บริษัท กฎหมายปาระมี จำกัด

เลขที่ 511/4 ถนนประชาอุทิศ 117/1 แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร (10140)

โทร/Tel : 02 - 8159522, แฟกซ์/Fax : 02 - 8159523, มือถือ/Mobile : 081 - 7936156

อีเมล/E-mail : sawai.prm@gmail.com, เว็บไซต์/Web : www.parameelaw.com