คำพิพากษาฎีกาที่ 6099 /2551
กำหนดค่าเสียหายผิดพลาดต้องแก้ไขใหม่ตามจริง
คดีนี้เดิมศาลแรงงานกลางสั่งให้รวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกันกับคดีหมายเลขแดงที่ 4880/2549 ถึง 4890/2549 , 4892/2549 ถึง4901/2549 และ 1410/2549 ของศาลแรงงานกลาง แต่คดีดังกล่าวยุติไปแล้วตามคำสั่งและคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง คงขึ้นมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะคดีนี้และให้เรียกชื่อคู่ความใหม่ว่า โจทก์และจำเลย
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2533 จำเลยจ้างโจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้างตำแหน่งครั้งสุดท้ายเป็นเจ้าหน้าที่ประสานงานการผลิต ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 10,657 บาท กำหนดจ่ายค่าจ้างทุกสิ้นเดือน ต่อมาในวันที่ 16 มีนาคม 2549 จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยอ้างเหตุว่าประสบภาวะขาดทุนจึงจำเป็นต้องเลิกจ้าง การกล่าวอ้างของจำเลยไม่เป็นความจริงเพราะหลังจากที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์แล้วมีการรับพนักงานใหม่เข้าทำงานจำนวนประมาณ 90 คน ดังนั้น การเลิกจ้างของจำเลยจึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าเสียหายจำนวน 170,512 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ขณะฟ้องโจทก์ไม่มีนิติสัมพันธ์เป็นลูกจ้างของจำเลยแล้วเพราะสัญญาจ้างระหว่างโจทก์กับจำเลยได้สิ้นสุดลง ณ วันที่ 16 มีนาคม 2549 โดยโจทก์ได้ตกลงเลิกสัญญาจ้างกับจำเลย จำเลยได้ยื่นข้อเสนอให้โจทก์รับสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าชดเชยตามกฎหมายเป็นการตอบแทนซึ่งโจทก์ได้ตกลงยอมรับข้อเสนอของจำเลยและรับเงินจำนวนดังกล่าวไปจนครบถ้วนแล้ว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องและการที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์เนื่องจากจำเลยมีผลประกอบการขาดทุนติดต่อกันถึง 3 ปี และในปี 2549 จำเลยมียอดสั่งสินค้าจากลูกค้าลดลงและมีต้นทุนการผลิตสูงขึ้นจำเลยได้ทำการลดต้นทุนการผลิตสินค้าทุกวิถีทางแล้วก็ไม่อาจรับภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นได้และจำนวนลูกจ้างที่จำเลยมีอยู่มีจำนวนมากจึงเกิดภาวะคนล้นงานหรือมีจำนวนคนมากกว่างาน จำเลยจึงมีความจำเป็นต้องลดจำนวนลูกจ้างในตำแหน่งและแผนกงานที่ไม่มีความจำเป็นหรือมีความจำเป็นต่อการทำงานน้อยลงเพื่อให้กิจการของจำเลยสามารถดำเนินต่อไปและสามารถแข่งขันด้านการค้ากับตลาดได้ซึ่งการเลิกจ้างของจำเลยนั้นจำเลยได้พิจารณาเลิกจ้างพนักงานที่มีผลงานต่ำหรือมีผลงานในการทำงานไม่มีประสิทธิภาพและอยู่ในจุดงานที่มีความจำเป็นต่อการทำงานน้อยออกไปก่อนตามความเหมาะสม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมแก่โจทก์เป็นเงินจำนวน 17,052 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมเป็นเงินจำนวน 170,512 บาท แต่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยชำระแก่โจทก์จำนวน 17,052 บาท ซึ่งตรงกับจำนวนตามบัญชีสำหรับรวมพิจารณาคดีนั้นชอบหรือไม่ เห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์มีคำขอท้ายฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำะค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมแก่โจทก์จำนวน 170,512 บาท แต่เมื่อศาลแรงงานกลางสั่งให้นำคดีนี้รวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกันกับคดีหมายเลขแดงที่ 4880/2549 ถึง 4890/2549 ,4892/2549 ถึง 4901/2549 และ 1410/2549 ของศาลแรงงานกลางแล้ว ศาลแรงงานกลางได้จัดทำบัญชีสำหรับรวมพิจารณาคดีขึ้นโดยนำรายละเอียดต่างๆ ในคำฟ้องของแต่ละสำนวนมาลงไว้ เช่น ชื่อโจทก์วันเข้าทำงาน อัตราค่าจ้างสุดท้าย วันเลิกจ้าง และคำขอท้ายฟ้อง ซึ่งในช่องคำขอท้ายฟ้องในบัญชีดังกล่าวกลับลงรายการว่าโจทก์ในคดีนี้ขอให้จำเลยชำระค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมไว้เป็นเงินเพียง 17,052 บาท โดยจำนวนเงินดังกล่าวไม่มีปรากฏในคำฟ้องหรือคำขอท้ายฟ้องแต่อย่างใด ซึ่งเป็นการลงบัญชีที่ผิดพลาด และเมื่อพิจารณาถึงจำนวนค่าเสียหายซึ่งศาลแรงงานกลางกำหนดให้โจทก์คนอื่นๆ ในคดีนำมารวมพิจารณาดังกล่าว ปรากฏว่าเมื่อได้คำนวณแล้วเห็นได้ว่ามีการกำหนดค่าเสียหายจากหลักเกณฑ์การนำอัตราค่าจ้างสุดท้ายมาคูณด้วยจำนวนปีที่ทำงานโดยประมาณ ยกเว้นในกรณีที่โจทก์บางคนในคดีที่นำมารวมพิจารณาดังกล่าวมีคำขอท้ายฟ้องให้จำเลยชำระค่าเสียหายจาการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมต่ำกว่าจำนวนที่คำนวณได้ตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวศาลแรงงานกลางก็จะกำหนดให้ไม่เกินตามคำขอท้ายฟ้อง แต่กรณีของโจทก์ในคดีนี้ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวอยู่เพียงคนเดียว โดยหากคำนวณจากหลักเกณฑ์ดังกล่าวจะได้จำนวนที่สูงกว่า 17,052 บาท ตามที่ลงไว้ในบัญชีสำหรับรวมพิจารณาคดีเป็นจำนวนมาก แต่ศาลแรงงานกลางกำหนดค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมให้โจทก์ในคดีนี้เท่ากับจำนวนเงินที่ลงไว้ในบัญชีสำหรับรวมพิจารณาคดีโดยไม่ปรากฏว่าเป็นเพราะสาเหตุใด แสดงให้เห็นได้ชัดคำพิพากษาของศาลแรงงานกลางเป็นการนำข้อผิดพลาดในบัญชีสำหรับรวมพิจารณาคดีที่ลงไว้ผิดมากำหนดเป็นค่าเสียหาย จึงให้ศาลแรงงานกลางกำหนดค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมให้โจทก์ในคดีนี้ใหม่โดยให้คำนึงถึงว่าโจทก์ฟ้องขอมาจำนวนเท่าใด ส่วนค่าเสียหายจะเป็นจำนวนเท่าใดให้อยู่ในดุลพินิจของศาลแรงงานกลาง
พิพากษายกคำพิพากษาศาลแรงงานกลางเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับจำนวนเงินค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมของโจทก์ในคดีนี้ แล้วมีคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี