รีไซเคิลกล่องนม
ทุกๆ วัน ผู้คนทั่วโลกบริโภคน้ำนม น้ำผลไม้ และเครื่องดื่มอื่นๆ วันละมากกว่า 14,000 ล้านลิตร มีกล่องเครื่องดื่มจำนวนไม่น้อยที่ถูกทิ้ง ทั้งๆ ที่ทุกส่วนใน "กล่องเครื่องดื่ม" ทั้งที่เป็นกระดาษ พลาสติก และอะลูมิเนียมฟอยล์ ยังสามารถนำกลับมา "รีไซเคิล" ใช้ประโยชน์ได้ 100%
นางกลอยตา ณ ถลาง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ไทย) จำกัด กล่าวว่า "กล่องเครื่องดื่มที่เราเห็นกันนั้น ทำมาจากกระดาษเคลือบด้วยพลาสติก และอะลูมิเนียมฟอยล์แผ่นบาง กระดาษช่วยทำให้กล่องมีรูปทรงที่แข็งแรงและทนทาน ส่วนโพลีเอทิลีนช่วยเรื่องการผนึก อะลูมิเนียมฟอยล์ช่วยป้องกันอากาศ แสงสว่างและแบคทีเรีย ไม่ให้เข้าไปสัมผัสกับเครื่องดื่มที่อยู่ภายในกล่อง ช่วยเก็บรักษาเครื่องดื่มที่อยู่ข้างในให้สดใหม่ เก็บได้นานโดยไม่ต้องแช่เย็น หรือใส่วัตถุกันเสีย" ในเวลานี้ประเทศแถบยุโรปมีปริมาณการรีไซเคิลกล่องเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับจากพ.ศ. 2545 มีปริมาณการรีไซเคิลกล่องเครื่องดื่มเพียง 6,000 ตัน แล้วเพิ่มสูงถึง 300,000 ตันในปี พ.ศ.2548 ในจำนวนนี้มีการรีไซเคิลกล่องเครื่องดื่ม เพื่อนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์กระดาษประมาณ 30% ช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้มากถึง 270,000 ตัน ในประเทศไทย มีการริเริ่มโครงการ "เด็กไทยหัวใจรีไซเคิล" เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกในการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าให้แก่เยาวชน โดยการส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้เรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รวมถึงเปิดโอกาสให้เยาวชนสามารถลงมือปฏิบัติด้วยการช่วยกันเก็บกล่องนมโรงเรียนและกล่องเครื่องดื่มอื่นๆ เพื่อการรีไซเคิล การรณรงค์มีโรงเรียนจำนวนกว่า 1,000 โรงเรียนใน 12 จังหวัดที่เข้าร่วมโครงการนี้ ส่วนวิธีรีไซเคิลคือ ก่อนนำกล่องเครื่องดื่มไปรีไซเคิล ควร "แกะ-ล้าง-เก็บ" เพื่อง่ายต่อการจัดเก็บ และสามารถเก็บได้นานโดยไม่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็น กล่องใช้แล้วพับแบนสามารถส่งขายให้กับร้านรับซื้อของเก่า แล้วต่อไปยังโรงงานกระดาษ เพื่อปั่นแยกเยื่อกระดาษกลับมาใช้ใหม่ เยื่อที่ได้สามารถนำไปทำเป็นของใช้จากกระดาษ เช่น สมุด แฟ้ม ส่วนเศษพลาสติก และอะลูมิเนียมฟอยล์ที่เหลือสามารถนำไปขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้ เช่น ถังขยะ ตะกร้า กล่องดินสอ
การรีไซเคิลกล่องเครื่องดื่ม 1 ตัน ช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้มากถึง 900 กิโลกรัม และช่วยประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บขยะประมาณ 4 ตารางเมตร