ReadyPlanet.com
dot dot
dot
ชมรมบริหารงานบุคคล
dot
bulletสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย
bulletชมรมบริหารงานบุคคล
bulletชมรมบริหารงานบุคคล อยุธยา
bulletชมรมบริหารงานบุคคลรังสิต
bulletชมรมผู้บริหารงานบุคคล อมตะนคร
bulletสมาคมการบริหารงานบุคคล (PAAs)
bulletชมรมบริหารงานบุคคลบางพลี
bulletชมรมนักบริหารงานบุคคลพัทยา
bulletชมรมบริหารงานบุคคลยุคใหม่
bulletชมรมผู้บริหารงานบุคคลจังหวัดราชบุรี
bulletงานบริหารงานบุคคล
bulletชมรมงานบริหารงานบุคคลกรุงเทพฯ
bulletชมรมบริหารงานบุคลสุขสวัสดิ์
dot
ติดต่อราชการศาล
dot
bulletศาลแรงงานกลาง
bulletศาลแรงงานภาค ๒
bulletศาลยุติธรรม
bulletศาลปกครอง
bulletศาลรัฐธรมนูญ
bulletสำนักงานอัยการสูงสุด
bulletกระทรวงยุติธรรม
bulletคณะกรรมการกฤษฎีกา
bulletกรมบังคับคดี
bulletสภาทนายความ
dot
หน่วยงานราชการสำคัญ
dot
bulletกระทรวงแรงงาน
bulletกรมการจัดหางาน
bulletกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
bulletกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
bulletสำนักงานประกันสังคม
bulletกรมสรรพากร
bulletกรมบัญชีกลาง
bulletกรมพัฒนาธุรกิจกาค้า
bulletกระทรวงอุตสาหกรรม
bulletกรมโรงงานอุตสาหกรรม
bulletกรมส่งเสริมอุตสาหรม
bulletการนิคมอุตสาหกรรม
dot
ลิ้งค์เพื่อนบ้าน
dot
bulletสมบัติลีกัล
bulletเอกเซลสำหรับงาน HR โดย อ.สำเริง
bulletบทความดี ๆ จากโกป้อม
dot
อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ
dot
dot
Newsletter

dot


พยากรณ์อากาศวันนี้
..................................


ราคาน้ำมันวันนี้
..................................



มีอำนาจลงลายมือชื่อในเช็ค ไม่ตรวจสอบการเขียนรายละเอียดในเช็ค รู้เห็นเป็นใจและเป็นเหตุให้มีการทุจริต เป็นกระทำความผิดร้ายแรง article

 

คำพิพากษาฎีกาที่ 6095 - 6096/2551
เรื่อง   มีอำนาจลงลายมือชื่อในเช็ค   ไม่ตรวจสอบการเขียนรายละเอียดในเช็ค   รู้เห็นเป็นใจและเป็นเหตุให้มีการทุจริต   เป็นกระทำความผิดร้ายแรง
 
 
 
                                คดีทั้งสองสำนวนนี้ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้รวมการพิจารณาพิพากษาคดีเข้าด้วยกัน   โดยให้เรียกโจทก์ทั้งสองสำนวนว่า โจทก์ที่ 1 และที่ 2 ตามลำดับ
 
 
 
                                โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเคยเป็นพนักงานของจำเลยซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ ตำแหน่งสุดท้ายของโจทก์ที่ 1 เป็นหัวหน้ากองตรวจรายได้ ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 19,910 บาท โจทก์ที่ 2 เป็นผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายการขนส่งระหว่างประเทศ ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 18,000 บาท วันที่ 20 มีนาคม 2546 จำเลยมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยแก่โจทก์ทั้งสองกล่าวหาว่าโจทก์ทั้งสองสั่งจ่ายเช็คชำระหนี้ให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดสยามอีสเทอร์นปิโตรเลียม ในนามของจำเลยโดยมิได้ปฏิบัติตามคำสั่งคณะรัฐมนตรีอันเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับว่าด้วยวินัยพนักงาน พ.ศ. 2521  ต่อมาวันที่  25  พฤศจิกายน  2546  จำเลยได้มีคำสั่งที่  กอ.248/2546 ลงโทษโจทก์ทั้งสองให้ไล่โจทก์ทั้งสองออก  ฐานประพฤติผิดวินัยอย่างร้ายแรงโดยสรุปข้อเท็จจริงตามสำนวนสอบสวนว่าโจทก์ทั้งสองสั่งจ่ายเช็คให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดสยามอีสเทอร์นปิโตรเลียม หลายฉบับแต่ห้างดังกล่าวได้รับเงินไม่ครบและเงินที่โอนเข้าบัญชีของห้างเป็นเงินที่โอนมาจากบัญชีของนายธงชัย สถาปิตานนท์ ไม่ใช่โอนจากเช็คของจำเลย นายธงชัยไม่ใช่ผู้มีสิทธิได้รับชำระเงินจากจำเลย การไม่ทำตามคำสั่งคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการจ่ายเช็คเปิดช่องให้นายธงชัยเบิกเงินตามเช็คไปเป็นของตน จำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งสองโดยโจทก์ทั้งสองไม่มีความผิด เป็นการเลือกปฏิบัติ ไม่มีหลักเกณฑ์และวิธีการที่แน่นอน และเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ความจริงโจทก์ทั้งสองได้ปฏิบัติตามแนวปฏิบัติเดิมที่ถือปฏิบัติมาก่อน โจทก์ทั้งสองไม่ใช่ผู้เขียนข้อความระบุชื่อนายธงชัยเป็นผู้รับเงินตามเช็คดังกล่าว นายธงชัยไม่ใช่ผู้ไม่มีสิทธิรับชำระเงินจากจำเลย จำเลยไม่ได้เสียหายไม่ได้ถูกห้างดังกล่าวฟ้องร้องและไม่ได้แพ้คดีจนถึงขนาดต้องเลิกจ้างเฉพาะโจทก์ทั้งสองการถือเอามูลเหตุแห่งการปฏิบัติหน้าที่ของโจทก์ทั้งสองขึ้นอ้างจึงเป็นการสร้างเรื่องขึ้นเพื่อกลั่นแกล้งโจทก์ทั้งสอง ทำให้โจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหายต้องตกงานขาดรายได้ประจำคิดเป็นค่าเสียหายคือ  ค่าเสียหายเท่ากับอัตราค่าจ้างสุดท้ายนับจนถึงวันที่โจทก์ทั้งสองเกษียณอายุ  60  ปีเป็นเวลา 7 ปี และ 8 ปี เป็นเงิน 1,672,440 บาท และ 1,728,000  บาท ตามลำดับ   ค่าเสียหายเท่ากับเงินเบี้ยเลี้ยงชีพซึ่งจำเลยต้องจ่ายในอัตราร้อยละ 20 ของค่าจ้างเดือนสุดท้าย เป็นรายเดือนติดต่อกันตลอดชีวิต เป็นเวลาคนละ 15ปี เป็นเงิน 716,760 บาท และ 648,000 บาท ตามลำดับ ค่าเสียหายเท่ากับเงินบำเหน็จซึ่งจำเลยต้องจ่ายในอัตราค่าจ้างเดือนสุดท้ายคูณด้วยจำนวนปีที่ทำงานกับจำเลย   โจทก์ทั้งสองทำงานกับจำเลย   34   ปี   และ   30  ปี  เป็นเงิน 676,940 บาท และ 540,000 บาท ตามลำดับ และจำเลยค้างจ่ายค่าสวัสดิการพนักงานเป็นค่าช่วยเหลือการศึกษาบุตรและค่ารักษาพยาบาลสำหรับโจทก์ที่  2   เป็นเงิน   5,784   บาท    กับค้างจ่ายค่าจ้างแก่โจทก์ที่  1   จำนวน3,066,140  บาท ของโจทก์ที่  2  จำนวน 2,939,784  บาท   ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 3,066,140 บาท และจำนวน 2,939,784 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสองตามลำดับ
 
 
 
                                จำเลยทั้งสองสำนวนให้การว่า ขณะเกิดกรณีพิพาทโจทก์ที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งหัวหน้ากองคลังเงินโดยสารงานขึ้นตรงต่อโจทก์ที่ 2 ซึ่งปฏิบัติหน้าที่รักษาการในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายบัญชีและการเงินของจำเลย มีอำนาจหน้าที่ตามข้อกำหนดลักษณะงานในตำแหน่งหัวหน้ากองคลังเงินและหัวหน้าฝ่ายบัญชีและการเงินตามระเบียบและคำสั่งของจำเลย     เช่น การเก็บรักษาเงินสด เช็ค ออกเช็คเพื่อถอนเงินจากธนาคารใช้จ่ายในกิจการของจำเลย วางวิธีการและควบคุมงานในด้านการบัญชีและการเงินเพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปได้ด้วยดี ควบคุมปกครองบังคับบัญชาและสั่งการให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาปฏิบัติตามหน้าที่ และโจทก์ทั้งสองยังมีอำนาจหน้าที่ลงลายมือชื่อร่วมกันสั่งจ่ายเงินตามเช็คในกิจการและธุรกิจของจำเลยให้แก่บุคคลอื่น โดยต้องปฏิบัติตามข้อบังคับว่าด้วยการลงนามในใบคำสัญจ่ายเงิน เช็ค และความรับผิดชอบของผู้ลงนาม พ.ศ. 2505 ของจำเลยและตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2531 ระหว่างเดือนมีนาคม 2543 ถึงเดือนสิงหาคม 2544 โจทก์ทั้งสองร่วมกันลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเงินตามเช็คจำนวนหลายฉบับในกิจการของจำเลยเพื่อเป็นค่าขนส่งน้ำมันให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดสยามอีสเทอร์นปิโตรเลียม โดยมิได้ปฏิบัติตามข้อบังคับและมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ซึ่งให้ผู้ออกเช็คขีดคร่อมเช็ค ขีดฆ่าคำว่า หรือผู้ถือ หรือตามคำสั่ง และขีดเส้นตรงหลังชื่อสกุล ชื่อบริษัท หรือชื่อห้างหุ้นส่วน ไปจนชิดคำว่า หรือผู้ถือ หรือตามคำสั่ง เป็นเหตุให้ห้างดังกล่าวไม่ได้รับชำระหนี้และฟ้องจำเลยให้ชำระตามคดีหมายดำที่ กค.168/2545 ของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางจากการตรวจสอบพบว่าเช็คจำนวน 5 ถึง 6 ฉบับ ที่โจทก์ทั้งสองสั่งจ่ายให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดสยามอีสเทอร์นปิโตรเลียม มีชื่อนายธงชัย สถาปิตานนท์ เป็นผู้รับเงินด้วย จำเลยสอบถามโจทก์ที่ 1 ถึงเหตุผลที่เขียนเช็คดังกล่าว โจทก์ที่ 1 ให้เหตุผลว่านางสาวปิยฉัตร จุลเสวก ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาเป็นผู้แก้ไขเช็คภายหลังที่ได้ส่งมอบเช็คแล้ว จำเลยจึงตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยโจทก์ทั้งสองตามคำสั่งลงวันที่ 20 มีนาคม 2546 ผลการสอบสวนปรากฏว่าโจทก์ทั้งสองลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คโดยไม่ได้กำกับควบคุมให้มีการขีดเส้นตรงหลังชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดสยามอีสเทอร์นปิโตรเลียม เป็นช่องทางให้มีการเติมชื่อนายธงชัย ทำให้นายธงชัยได้รับเงินตามเช็ค เช็คบางฉบับมีการเติมชื่อนายธงชัยไว้ก่อนที่โจทก์ทั้งสองจะลงลายมือชื่อสั่งจ่าย ถือว่าโจทก์ทั้งสองมีส่วนรู้เห็น โจทก์ทั้งสองมีตำแหน่งหน้าที่สำคัญเกี่ยวกับการเงิน การบัญชี จะต้องใช้ความระมัดระวังยิ่งกว่าพนักงานที่ทำหน้าที่อื่นๆ โจทก์ทั้งสองสามารถป้องกันและควบคุมให้มีการปฏิบัติตามข้อบังคับของจำเลยและมติคณะรัฐมนตรีได้แต่ไม่ทำ ถือว่าโจทก์ทั้งสองปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้นายธงชัยได้ประโยชน์รับเงินตามเช็คอันมิควรได้ เป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามข้อบังคับของจำเลยว่าด้วยวินัยพนักงาน พ.ศ. 2521 ข้อ 7 ข้อ 8 คณะกรรมการของจำเลยจึงมีมติไล่โจทก์ทั้งสองออกจากงาน ซึ่งเป็นการเลิกจ้างที่ชอบด้วยระเบียบ ข้อบังคับ และกฎหมายคุ้มครองแรงงาน และชอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 จึงเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรมโจทก์ทั้งสองไม่ได้รับความเสียหาย จำเลยไม่เคยค้างชำระเงินแก่โจทก์ที่ 2 โจทก์ทั้งสองไม่มีสิทธิเรียกเงินใด ๆ จากจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
 
 
                                ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
 
 
                                โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
 
 
                                ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงและวินิจฉัยว่า จำเลยเป็นรัฐวิสาหกิจ โจทก์ทั้งสองเป็นลูกจ้างจำเลยขณะเกิดเหตุโจทก์ที่ 1 มีตำแหน่งเป็นหัวหน้ากองคลังเงิน โจทก์ที่ 2 รักษาการในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายบัญชีและการเงิน โจทก์ทั้งสองเป็นผู้มีอำนาจร่วมกันลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คแทนจำเลย และได้ร่วมกันลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คเอกสารหมาย ล.19 และเช็คพิพาทตามเอกสารหมาย ล.21 เพื่อชำระค่าขนส่งให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดสยามอีสเทอร์นปิโตรเลียม ต่อมาห้างดังกล่าวได้ฟ้องจำเลยต่อศาลอ้างว่าได้รับเงินค่าขนส่งไม่ครบถ้วน และเงินที่โอนเข้าบัญชีห้างแทนที่จะเป็นเงินจากเช็คของจำเลย กลับกลายเป็นการโอนเงินจากบัญชีของนายธงชัย สถาปิตานนท์ และจากการตรวจสอบเช็คที่จำเลยสั่งจ่ายไปปรากฏว่าเช็คพิพาทตามเอกสารหมาย ล.21 จำนวน 5 ฉบับ ที่โจทก์ทั้งสองร่วมกันลงลายมือชื่อสั่งจ่ายแทนจำเลยนั้น ออกโดยฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของจำเลยและฝ่าฝืนมติคณะรัฐมนตรี กล่าวคือ ไม่มีการขีดคร่อมเช็ค (ยกเว้นฉบับที่ 5) ไม่มีการขีดเส้นตรงหลังชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดสยามอีสเทอร์นปิโตรเลียม จนชิดคำว่า "หรือผู้ถือ" ซึ่งโจทก์ทั้งสองเป็นหัวหน้าหน่วยงานของจำเลยมีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการเงินการบัญชีและการอออกเช็คสั่งจ่ายของจำเลย จึงต้องรู้ระเบียบต่างๆ รวมทั้งมติคณะรัฐมนตรี นอกจากนี้ในช่องจ่ายเงินให้ใคร แทนที่จะมีชื่อห้างดังกล่าวซึ่งเป็นเจ้าหนี้ผู้รับเงินเพียงผู้เดียว กลับมีการเพิ่มชื่อนายธงชัยเป็นผู้รับเงินได้รับด้วยโดยไม่มีหลักฐานการมอบอำนาจจากห้างดังกล่าวมาแสดง เช็คพิพาทตามเอกสารหมาย ล.21 ฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2 โจทก์ที่ 1 เป็นคนสั่งให้นางสาวปิยฉัตร จุลเสวก ผู้เขียนเช็คเติมชื่อนายธงชัยเพิ่มเข้าไปเป็นผู้รับเงินด้วย หลังจากนั้นนางสาวปิยฉัตรจึงเขียนเช็คโดยเพิ่มชื่อนายธงชัยเป็นผู้รับเงินในเช็คอีกหลายฉบับตามเอกสารหมาย ล.21 ฉบับที่ 3 ถึงฉบับที่ 5 ซึ่งโจทก์ทั้งสองแทนที่จะแก้ไขกลับลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คที่มีชื่อนายธงชัยเป็นผู้รับเงินด้วยตลอดมา การกระทำของโจทก์ทั้งสองมีเจตนาฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของจำเลย และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งหรือมติคณะรัฐมนตรี จึงเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงที่โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ในประเด็นที่ว่า การกระทำของโจทก์ทั้งสองผิดวินัยอย่างร้ายแรงหรือไม่ และจำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งสองเป็นธรรมหรือไม่ โดยโจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ว่าการสอบสวนทางวินัยโจทก์ทั้งสองของจำเลย โดยแต่งตั้งนายสิงขร ประสารวรรณ เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนซึ่งนายสิงขรมีสาเหตุขัดแย้งกับโจทก์ที่ 2 มาก่อนจึงมีเหตุอันควรสงสัยเป็นไปในทางกลั่นแกล้งโจทก์ทั้งสอง ผลการสอบสวนจึงสรุปว่าโจทก์ทั้งสองทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ทั้งที่โจทก์ทั้งสองไม่ได้กระทำผิดก็ดี การกระทำของโจทก์ทั้งสองถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่กำกับควบคุมผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาให้ปฏิบัติหน้าที่โดยให้ขีดเส้นตรงหลังชื่อสกุล ชื่อบริษัท หรือชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัด ลากยาวไปจนชิดคำว่า "หรือผุ้ถือ" หรือ "ตามคำสั่ง" โดยมิได้เจตนาแต่เป็นเพราะว่าโจทก์ทั้งสองไม่ทราบรายละเอียดดังกล่าวตามมติคณะรัฐมนตรี โจทก์ทั้งสองมิได้รู้เห็นเป็นใจหรือสมรู้ร่วมคิดหรือมีผลประโยชน์ในเหตุการณ์ดังกล่าวแต่อย่างใด กรณีจึงถือว่าเป็นความผิดเพียงเล็กน้อยก็ดี ล้วนเป็นอุทธรณ์โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานและโต้แย้งข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานกลางรับฟังมาว่า โจทก์ที่ 1 เป็นคนสั่งให้นางสาวปิยฉัตรผู้เขียนเช็คเติมชื่อนายธงชัยเพิ่มเข้าไปเป็นผู้รับเงินในเช็คพิพาทฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2 และโจทก์ทั้งสองลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทฉบับที่ 3 ถึงฉบับที่ 5 ที่มีชื่อนายธงชัยเป็นผู้รับเงิน ทั้งที่นายธงชัยไม่มีสิทธิโดยโจทก์ทั้งสองรู้ระเบียบข้อบังคับและมติคณะรัฐมนตรีแล้ว แต่จงใจฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับและมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวมิใช่โจทก์ทั้งสองเพียงแต่ปล่อยปละละเลยไม่ควบคุมดูแลผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาตามที่โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองจึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมาย ซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
 
 
 
                                พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสอง
 
 

 




อัพเดท ฎีกาน่าสนใจ

ขึ้นทะเบียนรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเกิน ๓๐ วัน ยังมีสิทธิได้รับเงินประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานได้ article
ลักษณะความผิดเดียวกัน แต่ระดับความร้ายแรงแตกต่างกัน นายจ้างพิจารณาลงโทษแตกต่างกันได้ article
ผู้จัดการสาขา เสนอรายชื่อลูกค้าที่ขาดคุณสมบัติทำประกันชีวิต ถือว่าจงใจทำให้นายจ้างเสียหาย / ผิดร้ายแรง article
หยุดกิจการชั่วคราวตาม มาตรา ๗๕ article
สัญญาจ้างเป็นสัญญาต่างตอบแทน นายจ้างออกค่าใช้จ่ายในการเข้าทดสอบเพื่อรับเกียรติบัตร เมื่อทดสอบผ่านต้องทำงานกับนายจ้าง ๕ ปี บังคับใช้ได้ article
ศาลแรงงานกลางมีอำนาจสั่งรับพยานเอกสารได้ แม้ไม่ได้ส่งสำเนาให้คู่ความอีกฝ่ายก็ตาม article
ประกอบธุรกิจแข่งขัน / ไปทำงานกับนายจ้างอื่น ในลักษณะผิดต่อสัญญาจ้าง เมื่อลูกจ้างได้ชดใช้ค่าเสียหายแก่นายจ้างตามสัญญาแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะบังคับ / ห้ามทำงานตามเงื่อนไขในสัญญาจ้างอีกต่อไป article
คดีแรงงานเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา แม้คดีอาญายกฟ้อง แต่พฤติกรรมการกระทำผิด เป็นเหตุให้นายจ้างไม่อาจไว้วางใจในการทำงานได้ ถือเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
เลิกจ้างเนื่องจากปรับโครงสร้างองค์กร แต่กำหนดรายชื่อไว้ล่วงหน้า ถือเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม article
การหักลบกลบหนี้ หนี้อันเกิดจากสัญญาจ้าง กรณีลูกจ้างกระทำผิดกับสิทธิประโยชน์ที่มีสิทธิได้รับตามสัญญาจ้าง ถือเป็นมูลหนี้อันเป็นวัตถุอย่างเดียวกันหักลบกลบหนี้กันได้ article
เล่นการพนันฉลากกินรวบ เป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน กรณีร้ายแรง article
กรณีไม่ถือเป็นการประกอบธุรกิจแข่งขันหรือไม่ถือว่าทำงานกับนายจ้างใหม่ในลักษณะธุรกิจเดียวกับนายจ้าง article
สัญญาฝึกอบรม นายจ้างกำหนดเบี้ยปรับได้ เป็นสัญญาที่เป็นธรรม article
ค้ำประกันการทำงาน หลักประกันการทำงาน การหักลบกลบหนี้ค่าเสียหายจากการทำงาน article
ใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์แต่ตนเอง เรียกรับเงินจากลูกค้า ถือเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ article
ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา มาทำงานสายประจำ ถือว่า กระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่เลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
สหภาพแรงงานทำบันทักข้อตกลงเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างกับนายจ้าง อันส่งผลกระทบต่อสิทธิหน้าที่ของสมาชิก ขัดกับข้อตกลงเดิมและมิได้ขอมติที่ประชุมใหญ่ ข้อตกลงดังกล่าวไม่อาจใช้บังคับได้ article
ขอเกษียณอายุก่อนกำหนดตามประกาศ ถือเป็นการสมัครใจเลิกสัญญาจ้างแรงงานต่อกัน มิใช่การเลิกจ้างหรือการเกษียณอายุ จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชยตามระเบียบกรณีเกษียณอายุ article
สถาบันวิจัยอันเป็นส่วนหนึ่งของกิจการมหาวิทยาลัยถือเป็นหน่วยงานของรัฐ ได้รับยกเว้น ไม่อยู่ภายใต้บังคับตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน มาตรา ๔ (๑) article
สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า จากการเลิกจ้างมีอายุความฟ้องร้องได้ภายใน ๑๐ ปี article
ทะเลาะวิวาทเรื่องส่วนตัวไม่ส่งผลกระทบต่อการบังคับบัญชา ไม่เป็นความผิด กรณีร้ายแรง ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ article
พี่น้องร่วมบิดา มารดาเดียวกัน มิใช่ทายาทผู้มีสิทธิรับเงินประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ และเงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต ตามพระราชบัญญัติ ประกันสังคม มาตรา ๗๓ และมาตรา ๗๗ article
ขับรถเร็วเกินกว่าข้อบังคับกำหนด เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
ฝ่าฝืนคำสั่งโยกย้าย เลิกจ้างได้ ถือเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
ประกาศใช้ระเบียบใหม่ ไม่ปรากฏว่ามีพนักงานโต้แย้งคัดค้าน ถือว่าทุกคนยินยอมปฏิบัติตามระเบียบ article
เงินค่าตอบแทนพิเศษกับเงินโบนัส มีเงื่อนไขต่างกัน หลักเกณฑ์การจ่ายต่างกัน จึงต้องพิจารณาต่างกัน article
ทายาทผู้มีสิทธิได้รับเงินกองทุนเงินทดแทน article
ค่ารถแทนรถยนต์ประจำตำแหน่ง ไม่ถือเป็นค่าจ้าง และ ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีสะสมให้ถือตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานที่กำหนดไว้ article
เจรจาให้ลาออก ลูกจ้างไม่ตกลง ขอเวลาตัดสินใจและหยุดงานไป นายจ้างแจ้งให้กลับเข้าทำงานตามปกติ ถือว่านายจ้างยังไม่มีเจตนาเลิกจ้าง article
ละทิ้งหน้าที่ แอบนอนหลับในเวลาทำงาน ถือเป็นเหตุในการเลิกจ้างได้ เลิกจ้างเป็นธรรม article
ลาออกโดยไม่สุจริต ไม่มีผลใช้บังคับ article
ทำความผิดคล้ายคลึงกันแต่ไม่เหมือนกัน พิจารณาลงโทษแตกต่างกันได้ article
ประกอบธุรกิจ บริการ ด่าลูกค้าด้วยถ้อยคำหยาบคาย " ควาย " ถือเป็นการกระทำความผิดกรณีร้ายแรง article
ข้อบังคับ ระบุให้ผู้บังคับบัญชาเหนือกว่ามีอำนาจแก้ไข เพิ่มโทษ หรือลดโทษได้ การยกเลิกคำสั่งลงโทษเดิมและให้ลงโทษใหม่หนักกว่าเดิมจึงสามารถทำได้ article
เลือกปฏิบัติในการลงโทษระเบียบการห้ามใส่ตุ้มหูมาทำงาน บังคับใช้ได้ แต่เลือกปฏิบัติในการลงโทษไม่ได้ article
ลงโทษพักงานโดยไม่จ่ายค่าจ้างและเตือนในคราวเดียวกันได้ ตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน article
จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย article
ข้อตกลงรับเงินและยินยอมปลดหนี้ให้แก่กัน ถือเป็นการตกลงระงับข้อพิพาทแม้จะทำขึ้นก่อนคำสั่งเลิกจ้างมีผลใช้บังคับ article
ศาลแรงงานมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานที่คู่ความอ้างส่งศาลได้ แม้มิได้ระบุบัญชีพยานไว้ก็ตาม article
สัญญาจ้างห้ามลูกจ้างไปทำงานกับนายจ้างใหม่ที่ประกอบธุรกิจเช่นเดียวกันมีกำหนดเวลา บังคับใช้ได้ article
เลิกจ้างและรับเงินค่าชดเชย ใบรับเงิน ระบุขอสละสิทธิ์เรียกร้องเงินอื่นใดใช้บังคับได้ ลูกจ้างไม่มีสิทธิ์ฟ้องร้องสินจ้างและค่าเสียหายได้อีก article
เกษียณอายุ 60 ปี ลูกจ้างมีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชยนับแต่วันครบกำหนดเกษียณอายุ แม้นายจ้างไม่ได้บอกเลิกจ้างก็ตาม article
ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องและเพิกเฉยไม่ดูแลผลประโยชน์ของนายจ้าง เป็นเหตุให้นายจ้างไม่ไว้วางใจในการทำงานได้เป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
ละเลยต่อหน้าที่ ไม่รายงานเคพีไอ นายจ้างตักเตือนแล้ว ถือว่าผิดซ้ำคำเตือน เลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ทำสัญญาจ้างต่างด้าวทำงานในอาชีพต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าว สัญญาจ้างถือเป็นโมฆะ article
ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง article
ศาลมีคำสั่งให้งดสืบพยาน แล้วพิพากษาตามหลักฐานที่ปรากฏในสำนวน ในขณะที่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทยังมีข้อโต้แย้งกันอยู่ ข้อเท็จจริงยังรับฟังไม่ยุติ ต้องสืบพยานใหม่และพิพากษาใหม่ไปตามรูปคดี article
แม้สัญญาจ้างไม่ได้ระบุระยะเวลาทดลองงานไว้ แต่นายจ้างก็สามารถประเมินผลการทำงานของลูกจ้างได้ article
การควบรวมกิจการ สิทธิและหน้าที่โอนไปเป็นของบริษัทใหม่ การจ่ายเงินสมทบบริษัทใหม่ที่ควบรวมจึงมีสิทธิจ่ายเงินสมทบในอัตราเดิมตามสิทธิ มิใช่ในอัตราบริษัทตั้งใหม่ article
เลิกจ้างรับเงินค่าชดเชยแล้วตกลงสละสิทธิ์จะไม่เรียกร้องผละประโยชน์ใดๆ ถือว่าสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายเป็นอันระงับไป article
รับเหมาก่อสร้าง ผู้รับเหมาต้องรับผิดชอบ จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมแทนผู้รับเหมาช่วง หากผู้รับเหมาช่วงไม่นำส่งเงินสมทบตามกฎหมายโดยคำนวณจากอัตราค่าจ้างที่ระบุตามแบบ ( ภ.ง.ด. 50 ) และบัญชีงบดุล article
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานระบุห้ามทะเลาะวิวาทหรือทำร้ายร่างกาย ผู้บังคับบัญชา เพื่อนพนักงาน ทั้งในสถานที่ทำงาน หรือสถานที่อื่นๆ ฝ่าฝืนถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง ใช้บังคับได้ไม่ขัดต่อกฎหมาย article
ไส้ติ่งอักเสบ แพทย์วินิจฉัยให้ผ่าตัด ถือเป็นกรณีฉุกเฉิน เบิกค่ารักษาได้ มีสิทธิรับเงินทดแทนค่าบริการทางการแพทย์ได้ article
ค่าเช่าที่พัก ค่าใช้จ่ายเดินทางเป็นสวัสดิการไม่ถือเป็นค่าจ้าง article
ค่ารถยนต์ซึ่งกำหนดเป็นสวัสดิการไว้ชัดเจนแยกจากฐานเงินเดือนปกติ ถือเป็นสวัสดิการไม่ใช่ค่าจ้าง article
ละเมิดข้อตกลงสภาพการจ้าง ละเมิดสัญญาจ้าง มีอายุความ 10 ปี มิใช่ 1 ปี article
พฤติกรรมการจ้างที่ถือว่าเป็นการจ้างแรงงาน ถือเป็นลูกจ้าง / นายจ้างตามกฎหมาย article
พนักงานขายรถยนต์ไม่ปฏิบัติหน้าที่ประจำบูธ ตามที่ได้รับมอบหมาย ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
เลือกตั้งคณะกรรมการสหภาพฯ ขัดต่อข้อบังคับสหภาพหรือขัดต่อกฎหมาย ถือว่าเป็นการเลือกตั้งที่ไม่ชอบ article
ฝ่าฝืนสัญญาจ้าง กรณีห้ามทำการแข่งขันกับนายจ้างหรือทำธุรกิจคล้ายคลึงกับนายจ้างเป็นเวลา 2 ปี นับจากสิ้นสุดสัญญาต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่นายจ้าง article
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน ระบุให้นายจ้างเลิกจ้างเพราะเหตุคนล้นงาน ปรับลด ขนาดองค์กรได้ ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะเลิกจ้างลูกจ้างได้ article
ข้อบังคับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กรณีตัดสิทธิ์รับเงินสมทบพร้อมผลประโยชน์หากกระทำผิดถูกปลดออกจากงานบังคับใช้ได้ article
ทะเลาะวิวาทกัน นอกเวลางาน นอกบริเวณบริษัทฯ ไม่ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
ฝ่าฝืนไม่ไปตรวจสารเสพติดซ้ำตามคำสั่งและนโยบาย ถือว่าฝ่าฝืน ข้อบังคับ หรือ ระเบียบ กรณีร้ายแรง article
วันหยุดพักผ่อนประจำปีตามส่วน article
เป็นลูกจ้างที่มีอำนาจกระทำการแทนนายจ้างในการจ้างงาน ไม่มีสิทธิได้รับค่าทำงานในวันหยุด และลักทรัพย์เอาต้นไม้ของนายจ้างไป ถือว่ากระทำผิดอาญาแก่นายจ้าง เลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ผลการทำงานดีมาโดยตลอดและไม่เคยกระทำผิดมาก่อน แต่ปีสุดท้ายผลงานต่ำกว่ามาตรฐาน ไม่ถือเป็นเหตุที่จะอ้างในการเลิกจ้าง article
ได้รับบาดเจ็บรายการเดียว เข้ารักษา 2 ครั้ง ถือว่าเป็นการรักษารายการเดียว นายจ้างสำรองจ่ายเพิ่มเติมไม่เกิน 50,000 บาท ไม่ใช่ 200,000 บาท article
ผู้บริหารบริษัท ฯ ถือเป็นลูกจ้างหรือไม่ ดูจาก_________ ? article
ขับรถออกนอกเส้นทาง แจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อผู้บังคับบัญชา ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรงและก่อให้เกิดความเสียหายแก่นายจ้าง นายจ้างหักเงินประกันการทำงานได้ article
ค่าจ้างระหว่างพักงาน เมื่อข้อเท็จจริง ลูกจ้างกระทำความผิดจริง จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างระหว่างพักงาน article
“ นายจ้าง ” ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน มาตรา 5 article
สัญญารักษาความลับ ข้อมูลทางการค้า (ห้ามประกอบหรือรับปฏิบัติงานแข่งขันนายจ้าง) มีกำหนด 2 ปี บังคับใช้ได้ ไม่ขัดต่อกฎหมาย และการกำหนดค่าเสียหาย ถือเป็นเบี้ยปรับตามกฎหมาย ศาลปรับลดได้ตามสมควร article
เงินรางวัลการขายประจำเดือน จ่ายตามเป้าหมายการขาย ที่กำหนดไว้ ไม่ถือเป็นค่าจ้าง article
ค่าโทรศัพท์ เหมาจ่าย ถือเป็นค่าจ้าง article
ละทิ้งหน้าที่ 3 วันทำการ โดยไม่มีเหตุอันสมควร เลิกจ้างเป็นธรรมไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ลาออกมีผลใช้บังคับแล้ว ออกหนังสือเลิกจ้างภายหลังใช้บังคับไม่ได้ article
ตกลงรับเงิน ไม่ติดใจฟ้องร้องอีกถือเป็นการตกลงประนีประนอมกันบังคับได้ ไม่ขัดต่อกฎหมาย
เลิกจ้างระหว่างทดลองงาน ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
ข้อตกลงว่า “หากเกิดข้อพิพาทตามสัญญาจ้างแรงงาน ให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย” ไม่เกี่ยวกับสิทธิตามกฎหมายแรงงาน เมื่อเกิดสิทธิตามกฎหมาย ฟ้องศาลแรงงานได้ โดยไม่ต้องให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย article
เลิกจ้างด้วยเหตุอื่น อันมิใช่ความผิดเดิมที่เคยตักเตือน ไม่ใช่เหตุที่จะไม่จ่ายค่าชดเชย เลิกจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย article
นำรถยนต์ไปใช้ในกิจธุระส่วนตัว มีพฤติกรรมคดโกง ไม่ซื่อตรง พฤติกรรมส่อไปในทางทุจริต ไม่น่าไว้วางใจ ลงโทษปลดออกจากการทำงานได้ article
การกระทำที่กระทบต่อเกียรติ ชื่อเสียงของนายจ้าง และเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แม้กระทำนอกสถานที่ทำงานและนอกเวลางาน ก็ถือว่า ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานกรณีร้ายแรง article
สัญญาค้ำประกันการทำงานไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้ ต้องรับผิดชอบตลอดไป article
ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาเลิกจ้างได้ ถือว่าเลิกจ้างเป็นธรรมและความผิดที่ลงโทษแล้วจะนำมาลงโทษอีกไม่ได้ article
ผิดสัญญาจ้างไปทำงานกับคู่แข่ง นายจ้างฟ้องเรียกค่าเสียหายตามสัญญาได้ แต่ค่าเสียหาย เป็นดุลพินิจของศาลจะกำหนด article
จงใจกระทำผิดโดยผิดกฎหมายเป็นเหตุให้นายจ้างเสียหาย ถือว่า กระทำละเมิดต่อนายจ้าง ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น article
ตกลงสละสิทธิ์เรียกร้องค่าเสียหาย ภายหลังเลิกจ้าง ใช้บังคับได้ ไม่เป็นโมฆะ article
ก้าวร้าวไม่ให้ความเคารพผู้บังคับบัญชา ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริตเลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้ามิใช่ค่าจ้าง คิดดอกเบี้ยในอัตรา 7. 5 ต่อปี article
ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของนายจ้างในเรื่องส่วนตัวเป็นประจำ ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่กาปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริต เลิกจ้างเป็นธรรม article
สั่งให้พนักงานขับรถ ขับรถออกนอกเส้นทางแต่ไม่ได้มีส่วนในการขับรถ ถือว่าผิดต่อสัญญาจ้าง แต่ไม่ต้องรับผิดอันมีผลโดยตรงจากมูลละเมิด ( ขับรถโดยประมาท ) article
จ่ายของสมนาคุณให้ลูกค้า โดยไม่ตรวจสอบบิลให้ถูกต้อง มิใช่ความผิดกรณีร้ายแรงไม่ใช่การทุจริตต่อหน้าที่ แต่ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เสร็จลุล่วงไปโดยถูกต้อง และสุจริต เลิกจ้างได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
ฟ้องประเด็นละเมิด กระทำผิดสัญญาจ้าง ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง มีอายุความ 10 ปี article
ตกลงยินยอมให้หักค่าจ้างชำระหนี้ตามสัญญาค้ำประกันเงินกู้ นายจ้างสามารถหักค่าจ้างได้ตามหนังสือยินยอมโดยไม่ต้องฟ้อง article
กระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้างและประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง article
“ งานโครงการตามมาตรา 118 วรรค 4 ” บริษัทรับเหมาก่อสร้าง ว่าจ้างลูกจ้างทำงานตามโครงการที่รับเหมา ถือว่าจ้างงานในปกติธุรกิจของนายจ้าง มิใช่งานโครงการ article
เงินโบนัสต้องมีสภาพการเป็นพนักงานจนถึงวันกำหนดจ่าย ออกก่อนไม่มีสิทธิได้รับ article
ระเบียบกำหนดจ่ายเงินพิเศษ ( gratuity ) เนื่องจากเกษียณอายุ โดยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่ายแตกต่างจากการจ่ายค่าเชย ถือว่านายจ้างยังไม่ได้จ่ายค่าชดเยตามกฎหมาย article



Copyright © 2010 All Rights Reserved.

บริษัท กฎหมายปาระมี จำกัด

เลขที่ 511/4 ถนนประชาอุทิศ 117/1 แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร (10140)

โทร/Tel : 02 - 8159522, แฟกซ์/Fax : 02 - 8159523, มือถือ/Mobile : 081 - 7936156

อีเมล/E-mail : sawai.prm@gmail.com, เว็บไซต์/Web : www.parameelaw.com