ReadyPlanet.com
dot dot
dot
ชมรมบริหารงานบุคคล
dot
bulletสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย
bulletชมรมบริหารงานบุคคล
bulletชมรมบริหารงานบุคคล อยุธยา
bulletชมรมบริหารงานบุคคลรังสิต
bulletชมรมผู้บริหารงานบุคคล อมตะนคร
bulletสมาคมการบริหารงานบุคคล (PAAs)
bulletชมรมบริหารงานบุคคลบางพลี
bulletชมรมนักบริหารงานบุคคลพัทยา
bulletชมรมบริหารงานบุคคลยุคใหม่
bulletชมรมผู้บริหารงานบุคคลจังหวัดราชบุรี
bulletงานบริหารงานบุคคล
bulletชมรมงานบริหารงานบุคคลกรุงเทพฯ
bulletชมรมบริหารงานบุคลสุขสวัสดิ์
dot
ติดต่อราชการศาล
dot
bulletศาลแรงงานกลาง
bulletศาลแรงงานภาค ๒
bulletศาลยุติธรรม
bulletศาลปกครอง
bulletศาลรัฐธรมนูญ
bulletสำนักงานอัยการสูงสุด
bulletกระทรวงยุติธรรม
bulletคณะกรรมการกฤษฎีกา
bulletกรมบังคับคดี
bulletสภาทนายความ
dot
หน่วยงานราชการสำคัญ
dot
bulletกระทรวงแรงงาน
bulletกรมการจัดหางาน
bulletกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
bulletกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
bulletสำนักงานประกันสังคม
bulletกรมสรรพากร
bulletกรมบัญชีกลาง
bulletกรมพัฒนาธุรกิจกาค้า
bulletกระทรวงอุตสาหกรรม
bulletกรมโรงงานอุตสาหกรรม
bulletกรมส่งเสริมอุตสาหรม
bulletการนิคมอุตสาหกรรม
dot
ลิ้งค์เพื่อนบ้าน
dot
bulletสมบัติลีกัล
bulletเอกเซลสำหรับงาน HR โดย อ.สำเริง
bulletบทความดี ๆ จากโกป้อม
dot
อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ
dot
dot
Newsletter

dot


พยากรณ์อากาศวันนี้
..................................


ราคาน้ำมันวันนี้
..................................



สัญญาจ้างแรงงานหรือสัญญาจ้างทำของ article

 

คำพิพากษาฎีกาที่ 7699/2551
เรื่อง   สัญญาจ้างแรงงานหรือสัญญาจ้างทำของ
 
 
 
ลูกจ้างทำงานพนักงานขับรถ     แม้สัญญาจะระบุเป็นลักษณะการจ้างทำ
ของ  แต่พฤติกรรมการจ้าง  มีการกำหนดคุณสมบัติในลักษณะความเป็น
ลูกจ้าง  มีการกำหนดการจ่ายค่าจ้างเป็นรายเดือน   มีค่าทำงานล่วงเวลา
ค่าทำงานในวันหยุด  กำหนดเวลาทำงานตามปกติ  ไม่มาทำงานต้องลา  
หากไม่มีงานต้องทำงานอื่นตามที่ได้รับมอบหมาย   เช่นนี้ถือเป็นลักษณะของการจ้างแรงงานมิใช่จ้างทำของ
  
 
 
                                โจทก์ฟ้องว่า   จำเลยในฐานะพนักงานตรวจแรงงานได้มี
คำสั่งที่  19/2548  ลงวันที่  25  กุมภาพันธ์  2548  วินิจฉัยว่า   นายจักรกฤษณ์
ชุ่มผึ้ง  เป็นลูกจ้างของโจทก์  ให้โจทก์จ่ายค่าจ้างค้างจ่ายจำนวน  6,166   บาท
ค่าล่วงเวลา 8,530 บาท รวมเป็นเงิน 14,696 บาท แก่นายจักรกฤษณ์ โจทก์ได้
รับทราบคำสั่งเมื่อวันที่  4  มีนาคม 2548 แต่ไม่เห็นพ้องด้วยกับคำสั่งของจำเลย
นายจักรกฤษณ์มิใช่ลูกจ้างของโจทก์ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน   พ.ศ.
2541 โจทก์เพียงว่าจ้างให้นายจักรกฤษณ์ให้บริการขับรถยนต์ตามสัญญา    ซึ่ง
เป็นสัญญาจ้างทำของตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์      มาตรา   587  
โจทก์ไม่มีอำนาจบังคับบัญชานายจักรกฤษณ์ให้ทำงานอื่นนอกเหนือจากที่ตกลง
ไว้ในสัญญาจ้างได้ ตามสัญญาว่าจ้างให้บริการข้อ 4 ยังแสดงให้เห็นว่า หากงาน
ไม่สำเร็จ นายจักรกฤษณ์จะไม่ได้รับค่าจ้างและต้องจ่ายค่าเสียหายที่เกิดขึ้นเนื่อง
จากความไม่สำเร็จของงานให้แก่โจทก์ด้วย ในระหว่างปฏิบัติงานตามสัญญาจ้าง
นายจักรกฤษณ์เจตนาทำให้ทรัพย์สินของโจทก์และผู้อื่นเสียหายโดยเมื่อวันที่
 25  ธันวาคม  2547       นายจักรกฤษณ์ขับรถยนต์ของโจทก์หมายเลขทะเบียน
ษศ  6893  กรุงเทพมหานคร    เพื่อนำผู้จัดการของโจทก์จากจังหวัดพระนครศรี
อยุธยาไปโรงแรมเวสท์อินน์      นายจักรกฤษณ์ขับรถพุ่งเข้าชนรถยนต์หมายเลข
ทะเบียน  ษณ  9260  กรุงเทพมหานคร   รถยนต์หมายเลขทะเบียน  ษข  8049
กรุงเทพหมานคร  และรถยนต์หมายเลขทะเบียน  ปล  5837    กรุงเทพมหานคร
โดยเจตนา ทำให้รถยนต์ทั้งสี่คันได้รับความเสียหาย      บริษัทศรีเมืองประกันภัย
จำกัด   เรียกร้องให้โจทก์ในฐานะเจ้าของรถยนต์คันก่อเหตุชดใช้ค่าเสียหายจาก
การกระทำละเมิดของนายจักรกฤษณ์     โจทก์จึงระงับการจ่ายเงินให้บริการตาม
สัญญาของนายจักรกฤษณ์ไว้เพื่อชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น      คำสั่งของจำเลย
ไม่ชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายขอให้เพิกถอนคำสั่งที่ 19/2548 ลงวันที่
25 กุมภาพันธ์ 2548 ของจำเลย
 
 
 
                                จำเลยให้การว่า   โจทก์เป็นนายจ้างของนายจักรกฤษณ์
ชุ่มผึ้ง  นายจักรกฤษณ์ไม่ยินยอมให้หักค่าจ้างและค่าล่วงเวลาชดใช้ค่าเสียหาย
โจทก์จึงไม่สามารถหักเงินค่าจ้างและค่าล่วงเวลาของนายจักรกฤษณ์ได้    คำสั่ง
ของจำเลยชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย  ไม่มีเหตุเพิกถอน ขอให้ยกฟ้อง
 
 
                                ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
 
 
                                โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
 
 
                                ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษา
 
แล้ว  ศาลแรงงานกลางรับฟังข้อเท็จจริงตามที่คู่ความแถลงรับกันว่า    โจทก์เป็น
นิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด นายจักรกฤษณ์ ชุ่มผึ้ง     เข้าทำงานกับโจทก์เมื่อ
วันที่  8  มีนาคม  2547  ตำแหน่งพนักงานขับรถ   ได้รับค่าจ้างเดือนละ  5,000
บาท กำหนดจ่ายค่าจ้างทุกวันสิ้นเดือนโดยจ่ายผ่านธนาคาร มีหนังสือสัญญาจ้าง
ตามเอกสารหมาย  จล.3  มีวันเวลาทำงานคือวันจันทร์ถึงวันเสาร์  ตั้งแต่เวลา  8
 นาฬิกา ถึง 17 นาฬิกา  หยุดวันอาทิตย์    เมื่อวันที่  25  ธันวาคม  2547   นาย
จักรกฤษณ์ขับรถยนต์ของโจทก์หมายเลขทะเบียน ษศ 6893   กรุงเทพมหานคร
เพื่อนำผู้จัดการโจทก์จากจังหวัดพระนครศรีอยุธยาไปโรงแรมเวสท์อินน์ กรุงเทพ
มหานคร  นายจักรกฤษณ์ขับรถยนต์อื่นจำนวน  3  คัน     ทำให้รถยนต์ของโจทก์
และรถยนต์คู่กรณีทั้งหมดได้รับความเสียหาย ตามเอกสารหมาย จล.4 และจล.5
พนักงานสอบสวนสอบสวนที่เกิดเหตุแล้วมีความเห็นว่านายจักรกฤษณ์ขับรถโดย
ประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์ของผู้อื่นเสียหาย  เปรียบเทียบปรับ 1,000  บาท นาย
จักรกฤษณ์ยินยอมชำระค่าปรับ  ต่อมาวันที่  27  ธันวาคม 2547 นายจักรกฤษณ์
เข้าบริษัทเพื่อปฏิบัติหน้าที่  นายวจีเทพ  สาสิงห์      ผู้บังคับบัญชาแจ้งว่าโจทก์
เลิกจ้างแล้วโดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2547 เป็นต้นไป อ้างเหตุว่านาย
จักรกฤษณ์เจตนาทำให้ทรัพย์สินของบริษัทได้รับความเสียหาย โดยบอกเลิกจ้าง
ด้วยวาจา    และโจทก์คงค้างจ่ายค่าจ้าง  ค่าล่วงเวลา  ค่าทำงานในวันหยุด   ค่า
แท็กซี่นับแต่วันที่  20  พฤศจิกายน  2547  ถึงวันที่  25  ธันวาคม  2547    แก่
นายจักรกฤษณ์เป็นเงิน 14,323.33  บาท  ต่อมาวันที่  29  ธันวาคม 2547 นาย
จักรกฤษณ์ยื่นคำร้องต่อจำเลยว่าโจทก์ไม่จ่ายค่าจ้าง จำเลยเรียกโจทก์มาชี้แจง
โจทก์มอบหมายให้นายวจีเทพเป็นผู้ให้ถ้อยคำ  เลยสอบถ้อยคำนายจักรกฤษณ์
และตัวแทนโจทก์แล้วบันทึกคำให้การ       ไว้โดยตัวแทนโจทก์นำสำเนาหนังสือ
สัญญาจ้างระหว่างโจทก์กับนายจักรกฤษณ์       และสำเนาบันทึกถ้อยคำที่นาย
จักรกฤษณ์ให้แก่ตัวแทนของบริษัทผู้รับประกันภัยรถยนต์ของโจทก์มามอบให้เป็นพยานหลักฐาน           ส่วนนายจักรกฤษณ์นำเอกสารรายการค่าจ้างค้างจ่าย
สำเนารายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีในวันเกิดเหตุและสำเนาใบเสร็จรับเงินค่าปรับ
มาแสดง จำเลยสอบพยานบุคคลและพยานเอกสารแล้วเห็นว่าโจทก์มีฐานะเป็น
นายจ้างของนายจักรกฤษณ์และค้างจ่ายค่าจ้าง    ค่าล่วงเวลาแก่นายจักรกฤษณ์
จริง จึงมีคำสั่งที่ 19/2548   ลงวันที่  25  กุมภาพันธ์ 2548 ให้โจทก์จ่ายค่าจ้าง
และค่าล่วงเวลาแก่นายจักรกฤษณ์เป็นเงิน 14,696  บาท  ได้แจ้งคำสั่งให้โจทก์
และนายจักรกฤษณ์ทราบ   โจทก์เห็นว่าคำสั่งของจำเลยไม่ชอบจึงนำคดีมาฟ้อง
ภายในกำหนดเวลาตามกฎหมาย     รายละเอียดตามสำเนาการสอบสวนเอกสาร
หมาย จล.6 โจทก์ยอมรับว่าค้างจ่ายค่าจ้าง    ค่าล่วงเวลาแก่นายจักรกฤษณ์จริง
และยินยอมชำระให้แก่นายจักรกฤษณ์     หากศาลเห็นว่าเป็นสัญญาจ้างแรงงาน
โดยนายจักรกฤษณ์ยอมรับเงินเท่าจำนวนค้างจ่ายจริงคือ     14,323.33    บาท
แล้ว  ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า   จากลักษณะงานที่คู่ความแถลงรับข้อเท็จจริง
ร่วมกันและตามหนังสือสัญญาได้ความว่า    นายจักรกฤษณ์มีวันเวลาทำงานปกติ
ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันเสาร์ เวลา 8 นาฬิกา ถึง 17 นาฬิกา    วันหยุดคือวันอาทิตย์
และวันที่โจทก์กำหนดให้เป็นวันหยุด โดยในสัญญายังได้ระบุกฎข้อบังคับว่า หาก
นายจักรกฤษณ์ไม่สามารถไปทำงานได้ตามปกติ   ต้องแจ้งให้โจทก์รับทราบล่วงหน้า หากไม่แจ้งถือว่านายจักรกฤษณ์ขาดงานและจะถูกหักค่าจ้างในวันนั้น  ท้าย
สัญญายังระบุว่า  วันไหนที่โจทก์ไม่ได้ใช้บริการ นายจักรกฤษณ์ต้องมาทำหน้าที่
อื่นที่โจทก์มอบหมาย   วลาว่างจากการขับรถ นายจักรกฤษณ์ต้องช่วยทำงานอื่น
ที่โจทก์มอบหมายให้ทำ  หากนายจักรกฤษณ์ไม่ปฏิบัติตามข้อสัญญา    โจทก์จะ
ยกเลิกสัญญาทันทีโดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า            แสดงว่าการทำงานของนาย
จักรกฤษณ์ขึ้นอยู่กับการสั่งงานของโจทก์หากนายจักรกฤษณ์ไม่ปฏิบัติตาม      มีโทษ   คือถูกหักค่าจ้างและถูกเลิกจ้างได้         การทำงานของนายจักรกฤษณ์จึง
ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมบังคับบัญชาของโจทก์   ค่าบริการขับรถ   ค่าล่วงเวลา
ค่าทำงานในวันหยุดตามที่โจทก์และนายจักรกฤษณ์ตกลงกันนั้น      ถือเป็นเงินที่
โจทก์ตกลงจ่ายให้แก่นายจักรกฤษณ์  เป็นค่าตอบแทนในการทำงานตามสัญญา
สำหรับระยะเวลาการทำงานปกติเป็นรายชั่วโมง  รายวัน  รายสัปดาห์   รายเดือน
มิใช่ค่าจ้างที่จ่ายให้โดยถือเอาความสำเร็จของการทำงานเป็นสำคัญ  แม้หนังสือ
สัญญาข้อ    4    ตอนท้ายจะระบุความว่า      หากนายจักรกฤษณ์ขาดงานนาย
จักรกฤษณ์จะต้องออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางวันนั้นให้แก่โจทก์และสัญญาข้อ
9  ที่ระบุว่า  กรณีที่นายจักรกฤษณ์ทำการฝ่าฝืนกฎจราจรและมีการเสียค่าปรับ
นายจักรกฤษณ์จะต้องรับผิดชอบเอง   ยกเว้นโจทก์บอกให้กระทำโจทก์จะเป็นผู้
รับผิดชอบเองนั้น      เป็นเพียงข้อสัญญาตกลงความรับผิดชอบของคู่สัญญาที่คู่
สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก่อขึ้น      มิใช่เป็นข้อแสดงว่าคู่สัญญามีเจตนาถือเอาผล
สำเร็จของงานเป็นสำคัญ    จากลักษณะงานและหนังสือสัญญาระหว่างโจทก์กับ
นายจักรกฤษณ์ถือเป็นสัญญาจ้างแรงงาน  มิใช่สัญญาจ้างทำของ   เมื่อโจทก์คง
ค้างจ่ายค่าจ้างและค่าล่วงเวลาแก่นายจักรกฤษณ์          โจทก์จึงต้องจ่ายค่าจ้าง
ค้างจ่ายและค่าล่วงเวลาให้แก่นายจักรกฤษณ์จำนวน  14,323.33  บาท 
 
 
 
                                ปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์มีว่า หนังสือสัญญา
เอกสารหมาย  จล.3   เป็นสัญญาจ้างแรงงานหรือสัญญาจ้างทำของ  โดยโจทก์
อุทธรณ์ว่า  สัญญาเอกสารหมาย  จล.3  เป็นสัญญาจ้างทำของ  มิใช่สัญญาจ้าง
แรงงานดังที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยโจทก์   ไม่มีอำนาจบังคับบัญชา       นาย
จักรกฤษณ์ให้ทำงานอื่นนอกเหนือจากที่ตกลงกันไว้ตามสัญญาจ้าง      หากนาย
จักรกฤษณ์ไม่ขับรถยนต์ให้โจทก์ตามสัญญา   โจทก์มีสิทธิเพียงหักเงินค่าบริการ
ในวันนั้น  ทั้งหากนายจักรกฤษณ์ฝ่าฝืนกฎจราจร  นายจักรกฤษณ์ต้องรับผิดชอบ
เสียค่าปรับเอง  หากนายจักรกฤษณ์ยกเลิกสัญญาโดยไม่แจ้งล่วงหน้า 30 วัน จะ
ต้องชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น    การกำหนดเวลาทำงานและวันหยุดเพียงเพื่อให้
นายจักรกฤษณ์มาทำงานทันเวลาเดินทางของผู้บริหาร      แม้สัญญาระบุว่าหาก
นายจักรกฤษณ์ไม่ปฏิบัติตามสัญญาโจทก์        สามารถเลิกสัญญาได้ทันทีก็เป็น
เงื่อนไขให้ปฏิบัติตามสัญญาอย่างเคร่งครัดเท่านั้น       มิใช่เป็นการบังคับบัญชา
และแม้หมายเหตุท้ายสัญญาระบุว่า                ในกรณีผู้บริหารโจทก์เดินทางไป
ต่างประเทศนายจักรกฤษณ์ต้องมาทำงานในสิ่งที่โจทก์มอบหมายก็เป็นเพียงข้อ
ตกลงในสัญญาเท่านั้น   หากนายจักรกฤษณ์ไม่ตกลงก็จะไม่ได้รับค่าตอบแทนใน
ช่วงเวลานั้น     สัญญาระหว่างโจทก์กับนายจักรกฤษณ์จึงเป็นสัญญาจ้างทำของ
พิเคราะห์แล้วหนังสือสัญญาเอกสารหมาย  จล.3 เป็นหนังสือสัญญาระหว่างนาย
จักรกฤษณ์ซึ่งในสัญญาระบุว่าเป็นผู้ให้บริการขับรถฝ่ายหนึ่ง   กับโจทก์ซึ่งเป็นผู้
ใช้บริการอีกฝ่ายหนึ่งข้อความในสัญญาแยกเป็นรายหัวข้อดังนี้ หัวข้อแรกระบุว่า
“ผู้ให้บริการขับรถต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้  1.ต้องมีความรู้เกี่ยวกับเครื่องยนต์
เป็นอย่างดีและต้องศึกษาเส้นทางในการเดินรถอยู่เสมอ 2. ดูแลสภาพรถยนต์ให้
ใช้งานได้ดีและทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ    3. มีความซื่อสัตย์และขยันหมั่น
เพียรในการทำงานและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน   4. ต้องตรงต่อเวลา เมื่อเกิดเหตุ
ฉุกเฉินให้ติดต่อผู้ใช้บริการทราบทุกครั้ง 5.  ต้องมีกิริยา  มารยาท  สุภาพ พูดจา
ไพเราะและแต่งกายให้สะอาดเรียบร้อย” หัวข้อที่สองระบุว่า “กฎข้อบังคับที่ผู้ให้
บริการขับรถจะต้องปฏิบัติตาม 1. วันเวลาให้บริการขับรถคือวันจันทร์ถึงวันเสาร์
เวลา 8.00 น.  ถึง 17.00  น.   วันหยุดคือวันอาทิตย์และวันที่ผู้ใช้บริการกำหนด
ให้เป็นวันหยุด  2.  กรณีเกิดการเจ็บป่วยไม่สามารถมาทำงานได้      ให้แจ้งผู้ใช้
บริการทราบทุกครั้งก่อนถึงเวลานัดให้มาทำงาน  1  ชั่วโมง 3.   กรณีไม่สามารถ
มาทำงานได้โดยมีธุระจำเป็น      ต้องแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้าอย่างน้อย
3 วัน 4. ในกรณีที่ถึงเวลานัดที่ผู้ใช้บริการนัดล่วงหน้าไว้แล้ว แต่ผู้ให้บริการไม่มา
ทำงาน  ผู้ใช้บริการถือว่าผู้ให้บริการขาดงานและจะหักค่าจ้างในวันนั้น  และผู้ให้
บริการจะต้องออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางในวันนั้นให้แก่ผู้ใช้บริการ  5.  ถ้าผู้ให้
บริการรู้ว่ามาไม่ทัน     องติดต่อให้ผู้ใช้บริการทราบถึงสาเหตุและรับคำสั่งจากผู้
ใช้บริการเพื่อดำเนินการต่อไป  6.  หากผู้ให้บริการขับรถและผู้ใช้บริการต้องการ
จะยกเลิกการให้บริการและใช้บริการจะต้องแจ้งให้แต่ละฝ่ายทราบล่วงหน้าอย่าง
น้อย  30  วัน   7. ถ้าผู้ให้บริการขับรถยกเลิกสัญญานี้ปราศจากการแจ้งล่วงหน้า
30 วัน ก่อนถึงวันที่ยกเลิกสัญญา   ผู้ให้บริการจะต้องชดใช้ค่าเสียหายหรือค่าใช้
จ่ายซึ่งมีสาเหตุจากการยกเลิกสัญญาฉบับนี้   เป็นต้นว่า  ค่าใช้จ่ายในการสรรหา
ผู้ให้บริการใหม่    ความแตกต่างของค่าจ้างระหว่างผู้ให้บริการเก่ากับผู้ให้บริการ
ใหม่  หรือค่าใช้จ่ายใด  ๆ          ที่มีสาเหตุจากการยกเลิกสัญญาของผู้ให้บริการ
8. ... 15.  ภายหลังจากการให้บริการ    ผู้ให้บริการต้องนำรถของผู้ใช้บริการไป
จอดยังที่ที่ผู้ใช้บริการกำหนด” หัวข้อที่สามระบุว่า “ค่าบริการ 1. ค่าบริการขับรถ
เดือนละ  5,000  บาท  2.  ค่าล่วงเวลาวันทำงานปกติชั่วโมงละ  40  บาท  3.  
ค่าล่วงเวลาในวันหยุดชั่วโมงละ 60  บาท  4. ค่าทำงานในวันหยุดเกิน 4 ชั่วโมง
300  บาท  5. ค่าทำงานในวันหยุดน้อยกว่า  4  ชั่วโมง 150  บาท 6. ค่าแท็กซี่
หลัง 23.00 น. 100  บาท  ผู้ใช้บริการจะจ่ายเงินให้ทุก  ๆ  สิ้นเดือน โดยเริ่มนับ
จากวันที่ 21 ถึงวันที่ 20 ของเดือนถัดไป” ส่วนหัวข้อสุดท้ายระบุว่า หมายเหตุ
กรณีท่านไม่ปฏิบัติตามข้อใดข้อหนึ่งในสัญญาฉบับนี้     ผู้ใช้บริการจะยกเลิกการ
ให้บริการขับรถของท่านทันทีโดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า  วันไหนที่ผู้ใช้บริการไม่ได้
ใช้บริการ   เช่น  ไปต่างประเทศผู้ให้บริการต้องมาทำหน้าที่อื่นที่ผู้ใช้บริการมอบ
หมายเวลาว่างจากการให้บริการขับรถ       ผู้ให้บริการต้องช่วยทำงานอื่นที่ผู้ใช้
บริการมอบหมายให้ทำ” เมื่อพิจารณาจากข้อความในสัญญาดังกล่าวจะเห็นได้ว่า
โจทก์ได้วางข้อกำหนดกฎเกณฑ์ไว้ว่าในระหว่างที่นายจักรกฤษณ์ขับรถให้โจทก์ 
นายจักรกฤษณ์จะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร    จึงจะมีคุณสมบัติครบถ้วนในหัวข้อแรก
โดยเฉพาะต้องมีความซื่อสัตย์ขยันหมั่นเพียรในการทำงาน     มีกริยา    มารยาท
สุภาพเรียบร้อย     ซึ่งคุณสมบัติดังกล่าวนี้โดยปกติแล้วเป็นคุณสมบัติของลูกจ้าง
ที่นายจ้างในสัญญาจ้างแรงงานประสงค์จะให้ลูกจ้างปฏิบัติ        มิใช่คุณสมบัติที่
จำเป็นของผู้รับจ้างในสัญญาจ้างทำของ เพราะสัญญาจ้างทำของมุ่งถึงผลสำเร็จ
ของการงานที่ว่าจ้างนั้นเป็นสำคัญ   ทั้งเมื่อพิจารณาในหัวข้อที่สองซึ่งเป็นกฎข้อ
บังคับที่บังคับให้นายจักรกฤษณ์จะต้องปฏิบัติตามแล้วจะเห็นได้ชัดเจนว่าโจทก์มี
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานให้นายจักรกฤษณ์ปฏิบัติตาม มีวันเวลาทำงานวันใด
วันหยุดวันใด  หากไม่อาจมาทำงานได้จะต้องปฏิบัติอย่างไร    หากไม่ปฏิบัติตาม
นั้นจะมีผลอย่างไร    ซึ่งเป็นการใช้อำนาจบังคับบัญชาในการปฏิบัติงานของนาย
จักรกฤษณ์โดยแท้    หาใช่นายจักรกฤษณ์ทำงานได้โดยอิสระเพียงเพื่อให้ได้ผล
สำเร็จของงานเท่านั้นไม่ ทั้งในหัวข้อที่สามในเรื่องค่าบริการแล้วยิ่งเห็นได้ชัดเจน
ว่าเป็นเงินที่โจทก์ตกลงจ่ายให้แก่นายจักรกฤษณ์เป็นรายเดือนตอบแทนการทำ
งานตลอดระยะเวลาที่นายจักรกฤษณ์ทำงานให้โจทก์โดยกำหนดค่าล่วงเวลา ค่า
ล่วงเวลาในวันหยุด ค่าทำงานในวันหยุดให้ด้วย     หาใช่โจทก์จ่ายสินจ้างให้นาย
จักรกฤษณ์เพื่อผลสำเร็จแห่งการงานที่ทำอันจะเป็นสัญญาจ้างทำของไม่   ยิ่งไป
กว่านั้นในหัวข้อสุดท้ายที่ระบุเป็นหมายเหตุไว้ยังมีข้อความกำหนดไว้ด้วยว่าวันไหนที่ผู้ใช้บริการไม่ได้ใช้บริการ   เช่น   ไปต่างประเทศ    ผู้ให้บริการต้องมาทำ
หน้าที่อื่นที่ผู้ใช้บริการมอบหมาย     ซึ่งหมายความว่านอกเหนือจากหน้าที่ขับรถ
ตามสัญญาแล้ว  ยังมีกรณีที่นายจักรกฤษณ์ต้องทำงานอื่นตามที่โจทก์มอบหมาย
อีกด้วย     ค่าตอบแทนในการทำงานจึงมิใช่เพียงเพื่อผลสำเร็จของการงานที่ทำ
คือการขับรถเท่านั้น   แต่เป็นการจ่ายค่าจ้างตลอดเวลาที่ทำงานให้ไม่ว่าเป็นงาน
หน้าที่ใดโดยกำหนดจ่ายเป็นรายเดือน             สัญญาจ้างระหว่างโจทก์กับนาย
จักรกฤษณ์จึงมีลักษณะเป็นสัญญาจ้างแรงงาน   มิใช่สัญญาจ้างทำของ      ดังที่
โจทก์อุทธรณ์  ที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยมานั้นชอบแล้ว      อุทธรณ์ของโจทก์
ฟังไม่ขึ้น
 
 
                               
 

 




ฎีกาบรรทัดฐาน

โยกย้ายตำแหน่งหน้าที่ชอบด้วยกฎหมาย article
สัญญาจ้างมีกำหนดระยะเวลาต่อสัญญาใหม่ เป็นสัญญาจ้างที่ไม่มีกำหนดระยะเวลา ต้องบอกกล่าว + ค่าชดเชย article
การโอนสิทธิความเป็นลูกจ้างตาม ป.พ.พ.แพ่งและพาณิชย์ มาตรา 577 article
เปลี่ยนแปลงข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างไม่เป็นคุณแก่ลูกจ้าง ลูกจ้างทราบเรื่องโดยตลอดมิ ได้คัดค้าน แต่ลาออกแล้วใช้สิทธิฟ้องเงินตามข้อตกลงภายหลัง ถือว่าใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่มีอำนาจฟ้อง
ค่าเบี้ยเลี้ยง / ค่าล่วงเวลา คือ ค่าตอบแทนบริษัททัวร์ (เหมาจ่ายสูงกว่าที่กฎหมายกำหนดชอบด้วยกฎหมาย) article
ตกลงจ่ายเงินโบนัสทุกเดือนเป็นประจำแน่นอน ถือเป็นค่าจ้าง article
อายุความ มูลละเมิดอันมีความผิดทางอาญา หากในคดีอาญาอายุความมากกว่าให้ใช้อายุความตามนั้น article
ทำงานแม่บ้านร้านเสริมสวยถือเป็นลูกจ้าง article
เกษียณอายุ จ้างต่อ ตกลงไม่จ่ายค่าชดเชยกัน เป็นโมฆะต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย article
ฟ้องเพิกถอนคำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน ต้องวางเงินศาลตามคำสั่งก่อน จึงจะใช้สิทธิฟ้องเพิกถอนคำสั่งได้ article
ค่าตำแหน่ง ค่ารถ ถือเป็นค่าจ้าง article
เปลี่ยนแปลง ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน (ไมได้ ! ) article
ค่าคอมมิชชั่น article
ค่าคอมมิชชั่นที่คำนวณจากยอดขาย ถือเป็นค่าจ้าง article
ค่าเที่ยว ถือเป็นค่าจ้าง article
เหมาจ่ายเบี้ยเลี้ยงและค่าทำงานล่วงเวลา article
เดินโพยหวย ล่อซื้อและเลิกจ้างได้
ลักษณะงานที่ไม่อาจกำหนดเวลาทำงานที่แน่นอนได้ article
ตกลงเหมาจ่ายเบี้ยเลี้ยงในการขับรถรับส่งท่องเที่ยวสูงกว่าอัตราที่ควรได้รับถือว่าจ่ายค่าล่วงเวลาโดยชอบแล้ว
โยกย้ายตำแหน่งหน้าที่ไม่ชอบ article



Copyright © 2010 All Rights Reserved.

บริษัท กฎหมายปาระมี จำกัด

เลขที่ 511/4 ถนนประชาอุทิศ 117/1 แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร (10140)

โทร/Tel : 02 - 8159522, แฟกซ์/Fax : 02 - 8159523, มือถือ/Mobile : 081 - 7936156

อีเมล/E-mail : sawai.prm@gmail.com, เว็บไซต์/Web : www.parameelaw.com