คนไทยตุ้ยนุ้ยพุ่งหญิง41%ชาย28%
สธ.เผยผลสำรวจพบคนไทยตุ้ยนุ้ยพุ่ง แบ่งเป็นผู้หญิง 41% ผู้ชาย 28% สาเหตุหลักคือไม่ออกกำลังกาย
นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ผลสำรวจสุขภาพของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ซึ่งสำรวจโดยใช้วิธีตรวจร่างกายประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไปทุกๆ 5 ปี ล่าสุดในปี 2552 ได้ดำเนินการใน 20 จังหวัดทั่วประเทศ และกทม. จำนวน 20,450 คน และเปรียบเทียบกับผลการสำรวจในปี 2547 พบว่า ประชาชนมีพฤติกรรมสุขภาพดีขึ้น 2 เรื่องคือ การสูบบุหรี่เป็นประจำลดลงจากร้อยละ 25 เหลือร้อยละ 20 และการดื่มสุราในระดับเสี่ยงปานกลางคือชายดื่มสุราตั้งแต่ 41 กรัมต่อวัน และหญิงดื่มตั้งแต่ 21 กรัมต่อวัน มีจำนวนลดลงจากร้อยละ 17 เหลือร้อยละ 14
ส่วนพฤติกรรมที่ยังน่าห่วงคือเรื่องการออกกำลังกาย โดยมีประชาชนร้อยละ 19 ออกกำลังกายน้อย และจำนวนคนที่กินผักและผลไม้ได้ตามมาตรฐานคือวันละอย่างน้อย 400 กรัม ลดลงจากร้อยละ 22 เหลือร้อยละ 18 ขณะเดียวกันจำนวนคนอ้วนมีเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน จากที่มีร้อยละ 29 ในปี 2547 เพิ่มเป็นร้อยละ 35 หรือพบได้ทุกๆ 1 ใน 3 คน โดยพบผู้หญิงอ้วนร้อยละ 41 ผู้ชายร้อยละ 28 คนที่มีระดับไขมันในเลือดสูงจากร้อยละ 16 เป็นร้อยละ 19 มีภาวะซีดโลหิตจางจากร้อยละ 17 เพิ่มเป็นร้อยละ 23 และยังพบคนที่ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงร้อยละ 21 เบาหวานร้อยละ 7 มีภาวะซึมเศร้าร้อยละ 3
ขอขอบคุณข้อมูล
ไอเอ็นเอ็น
เราจะควบคุมความอยากทานขนมหวานอย่างไรดี
สาว ๆ หนุ่ม ๆ หลายคนเห็นขนมของหวานเป็นไม่ได้ ต้องวิ่งเข้าใส่ ระวังนะจ๊ะน้ำหนักจะพุ่งพรวดโดยไม่รู้ตัว แต่ถ้าอดใจไม่ไหว ก็มาอ่านวิธีต่อไปนี้ เพื่อจะช่วยระงับความอยากทานของหวาน ๆ ได้
1.กินสลัดเป็นอาหารกลางวัน หรืออาหารค่ำเป็นครั้งคราว เพื่อเก็บแคลอรีเอาไว้กินของหวานแบบเต็ม ๆ สักมื้อ
2.ถ้าครอบครัวของคุณคิดว่า พวกเขาจำเป็นต้องมีของหวานทุกครั้งหลังอาหาร พยายามสร้างความสมดุลด้วยการเลือกของที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ผลไม้กับวิปครีม หรือไอศกรีมไขมันต่ำ
3.ลองไม่กินของหวานเลยสักสองสัปดาห์ มันน่าอัศจรรย์ที่ความอยากของคุณจะหายไปเลย
4.กินผลไม้ให้มากขึ้น คนที่ได้กินผลไม้มากพอจะไม่อยากกินของหวานเท่าใดนัก
5.กินของหวานที่คุณชอบ แต่กินอย่างชาญฉลาดด้วยการลดปริมาณมันลง หรือลดการกินอาหารลงสัก 150 แคลอรี เผื่อไว้สำหรับของหวานที่คุณชอบ เช่น เค้กชิ้นกลาง ๆ หนึ่งชิ้น หรือไอศกรีมครึ่งถ้วย
ขอขอบคุณข้อมูล
Lisa