ReadyPlanet.com
dot dot
dot
ชมรมบริหารงานบุคคล
dot
bulletสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย
bulletชมรมบริหารงานบุคคล
bulletชมรมบริหารงานบุคคล อยุธยา
bulletชมรมบริหารงานบุคคลรังสิต
bulletชมรมผู้บริหารงานบุคคล อมตะนคร
bulletสมาคมการบริหารงานบุคคล (PAAs)
bulletชมรมบริหารงานบุคคลบางพลี
bulletชมรมนักบริหารงานบุคคลพัทยา
bulletชมรมบริหารงานบุคคลยุคใหม่
bulletชมรมผู้บริหารงานบุคคลจังหวัดราชบุรี
bulletงานบริหารงานบุคคล
bulletชมรมงานบริหารงานบุคคลกรุงเทพฯ
bulletชมรมบริหารงานบุคลสุขสวัสดิ์
dot
ติดต่อราชการศาล
dot
bulletศาลแรงงานกลาง
bulletศาลแรงงานภาค ๒
bulletศาลยุติธรรม
bulletศาลปกครอง
bulletศาลรัฐธรมนูญ
bulletสำนักงานอัยการสูงสุด
bulletกระทรวงยุติธรรม
bulletคณะกรรมการกฤษฎีกา
bulletกรมบังคับคดี
bulletสภาทนายความ
dot
หน่วยงานราชการสำคัญ
dot
bulletกระทรวงแรงงาน
bulletกรมการจัดหางาน
bulletกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
bulletกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
bulletสำนักงานประกันสังคม
bulletกรมสรรพากร
bulletกรมบัญชีกลาง
bulletกรมพัฒนาธุรกิจกาค้า
bulletกระทรวงอุตสาหกรรม
bulletกรมโรงงานอุตสาหกรรม
bulletกรมส่งเสริมอุตสาหรม
bulletการนิคมอุตสาหกรรม
dot
ลิ้งค์เพื่อนบ้าน
dot
bulletสมบัติลีกัล
bulletเอกเซลสำหรับงาน HR โดย อ.สำเริง
bulletบทความดี ๆ จากโกป้อม
dot
อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ
dot
dot
Newsletter

dot


พยากรณ์อากาศวันนี้
..................................


ราคาน้ำมันวันนี้
..................................



ขาดงานละทิ้งหน้าที่ 3 วันทำงาน มีใบรับรองแพทย์ ถือว่ามีเหตุอันสมควร article

 คำพิพากษาฎีกาที่ 379/2551

 เรื่อง ขาดงานละทิ้งหน้าที่เกินกว่า 3 วันทำงาน   มีใบรับรองแพทย์มาแสดง ถือว่าขาดงานโดยมีเหตุอันสมควร   นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย
 
        
             โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2535 โจทก์สมัครเข้าทำงานกับจำเลย 
ในตำแหน่งพนักงานขับรถยนต์โดยสาร ได้รับค่าจ้างเดือนละ  2,800  บาท    ซึ่งต่ำกว่าอัตราค่าจ้าง
ขั้นต่ำรายวันที่คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์กำหนด       ระหว่างทำงานจำเลยเรียกเก็บเงินประกัน
การทำงานจากโจทก์จำนวน 5,000 บาท และหักเงินสะสมเดือนละ  200 บาท     ตั้งแต่เริ่มทำงานจน
กระทั่งเลิกจ้างต่อมาจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม  2538  โดยอ้างว่า โจทก์
ละทิ้งหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 1  มีนาคม 2538  ถึงวันที่ 12 มีนาคม  2538   โดยไม่มีเหตุอันควร ซึ่งไม่เป็น
ความจริง เนื่องจากในวันดังกล่าวโจทก์เจ็บป่วยจากอุบัติเหตุต้องพักรักษาตัว      โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ดังกล่าวตามระเบียบ                แต่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์พิจารณาแล้วมีคำสั่งยืนให้ไล่โจทก์
ออก    จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์โดยไม่มีความผิดไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้าและเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็น
ธรรมและมิได้จ่ายค่าจ้างวันละ  132  บาท    ตลอดเดือนกุมภาพันธ์  2538        จำเลยจึงต้องจ่ายค่า
ชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า   ค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ค่าจ้างค้างจ่าย
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2538    และเงินประกันการทำงานแก่โจทก์  ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชยตาม
ระเบียบคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง มาตรฐานของสิทธิประโยชน์ของพนักงานรัฐวิสาหกิจ
พ.ศ. 2534   สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  ค่าจ้างค้าง
จ่ายในเดือนกุมภาพันธ์  2538    และค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมจำนวน   50,000 บาท
พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี   นับแต่วันที่ 1 มีนาคม 2538  เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่
โจทก์     กับให้จำเลยคืนเงินประกันการทำงานจำนวน  5,000 บาท  และเงินสะสมเดือนละ 200 บาท 
ที่จำเลยหักไว้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน  2535  ถึงเดือนมกราคม  2538    พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 
ต่อปี  นับแต่เดือน  ดังกล่าวเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
 
 
            จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า    จำเลยมีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล
ประเภทบริษัทจำกัด จำเลยรับโจทก์เข้าทำงานเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2535 ระหว่างทำงานนอกจาก
จำเลยจ่ายค่าจ้างแก่โจทก์ประเภทเงินเดือน  อัตราเดือนละ   2,800 บาทแล้ว    จำเลยยังจ่ายค่าจ้าง
ประเภทเบี้ยเลี้ยงแก่โจทก์อีก      ซึ่งรวมแล้วไม่ต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนด     ต่อมา
จำเลยเลิกจ้างโจทก์ในวันที่  1  มีนาคม  2538    เนื่องจากโจทก์ขาดงานโดยไม่มีเหตุผลอันควรเกินกว่า 
7 วันและไม่แจ้ง  สาเหตุแก่ผู้บังคับบัญชาภายใน  3 วัน  นับแต่หยุดงาน  รวมทั้งไม่ยื่นใบลาแก่ผู้บังคับ
บัญชาอันเป็นการจงใจฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามระเบียบของจำเลยกรณีร้ายแรง       แม้โจทก์จะอุทธรณ์
คำสั่งไล่ออกโดยอ้างว่าโจทก์เจ็บป่วยตามใบรับรองแพทย์ก็ตาม   แต่คณะกรรมการอุทธรณ์พิจารณาแล้ว
เห็นว่าไม่น่าเชื่อถือ     จึงวินิจฉัยให้ยืนตามคำสั่งเดิม รวมทั้งระหว่างทำงานโจทก์ขับรถด้วยความประมาท
เลินเล่อเป็นเหตุให้จำเลยได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงรวม  2 ครั้ง การเลิกจ้างโจทก์จึงเป็นการเลิก
จ้างที่เป็นธรรม    จำเลยย่อมไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์ ส่วนค่า
จ้างเดือนกุมภาพันธ์ 2538 นั้น จำเลยได้จ่ายให้แก่โจทก์ครบถ้วนแล้วและโจทก์เรียกร้องค่าจ้างจาก
จำเลยเกินกว่า 5 ปี นับแต่วันที่โจทก์มีสิทธิได้รับจึงขาดอายุความ       โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้าง
ดังกล่าวจากจำเลย   สำหรับเงินประกันการทำงานที่จำเลยเรียกเก็บและหักเงินเดือนของโจทก์ไว้รวม
ดอกเบี้ยเป็นเงิน  9,468.30  บาทนั้น    เมื่อโจทก์ก่อความเสียหายแก่จำเลย  จำเลยจึงนำไปหัก
กลบหนี้ตามสัญญา  ซึ่งเป็นไปตามสัญญาจ้างพนักงานข้อ 6 และข้อ 8   จำเลยจึงไม่ต้องคืนเงินนี้
แก่โจทก์   นอกจากนี้คำฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมเนื่องจากคำขอท้ายฟ้องมิได้คำนวณเป็นเงินที่
แน่นอนว่าโจทก์เรียกร้องค่าชดเชย  และสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นจำนวนเท่าใด 
ทั้งดอกเบี้ยที่เรียกร้องก็มิได้กำหนดต้นเงินทุกประเภทว่ามีจำนวนเท่าใด ขอให้ยกฟ้อง
 
            ระหว่างพิจารณาโจทก์แถลงขอสละประเด็นเรื่องค่าจ้างเดือนกุมภาพันธ์   2538     จำเลยจึง
แถลงขอสละประเด็นในเรื่องอายุความดังกล่าวเช่นกัน        และแถลงรับว่าฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
ขอสละประเด็นในเรื่องนี้
 
 
           ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว ฟังข้อเท็จจริงว่า     โจทก์ขาดงานระหว่างวันที่  1  ถึงวันที่  12
มีนาคม  2538  จริง     แต่เนื่องจากป่วยเพราะมีใบรับรองแพทย์มาแสดง          จึงเป็นการละทิ้งหน้าที่
โดยมีเหตุอันควร     จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะสาเหตุเดียวคือ    โจทก์ละทิ้งหน้าที่ติดต่อกันเกิน 7 วัน
โดยไม่มีเหตุอันควรอันเป็นการผิดวินัยตามระเบียบพนักงานเอกสารหมาย จ.ล.2 ข้อ 39 (6)  ส่วนเรื่อง
ที่โจทก์ขับรถเกิดอุบัติเหตุทำให้จำเลยเสียหายเหตุเกิดตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน  2536  ก่อนเลิกจ้างใน
วันที่ 5 กรกฎาคม 2538 เป็นเวลา  2  ปี    แสดงว่าจำเลยมิได้ให้ความสำคัญกับการนำเหตุดังกล่าวมา
เป็นเหตุเลิกจ้างโจทก์ การขาดงานของโจทก์ ฟังไม่ได้ว่าโจทก์ทำผิดเป็นกรณีร้ายแรง จำเลยต้องจ่าย
ค่าชดเชยแก่โจทก์โดยคำนวณจากเงินเดือน 2,800 บาท  กับค่าจ้างตามผลงานเก้าสิบวันก่อนเลิกจ้าง
9,600 บาท เป็นเงินค่าชดเชย  18,000 บาท  ร ะหว่างโจทก์ทำงานก่อความเสียหายหลายครั้ง จึงเป็น
การกระทำที่ไม่สมควรแก่การปฏิบัติหน้าที่ให้ลุล่วง  จำเลยเลิกจ้างโจทก์จึงเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม 
ไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า   ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหาย   ส่วนเงินประกันเป็นการริบตามสัญญาจ้างมิได้นำ
ไปหักชำระหนี้ความเสียหาย    จึงถือว่าเป็นเบี้ยปรับ      ซึ่งศาลเห็นว่าจำเลยฟ้องโจทก์ให้ชดใช้ค่าเสีย
หายแล้วถ้าจะให้โจทก์รับผิดอีกจึงไม่เป็นธรรม      จึงให้คืนเงินประกัน        แล้วพิพากษาให้จำเลยจ่าย
ค่าชดเชย 18,000 บาท  และคืนเงินประกันการทำงานจำนวน   9,468.30  บาท    พร้อมดอกเบี้ยอัตรา
ร้อยละ 7.5  ต่อปี    จากต้นเงินค่าชดเชยและต้นเงินประกันการทำงาน  (8,800 บาท )    นับแต่วันที 
มีนาคม 2538  เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
 
               จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
 
               ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ที่จำเลยอุทธรณ์  ข้อ 2.1 ประการ
แรกว่า    ศาลแรงงานกลางพิจารณาวินิจฉัยไม่เป็นไปตามประเด็นข้อพิพาท  ข้อ 1  โดยวินิจฉัยผิดไป
จากพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนและเป็นการวินิจฉัยไม่ครบตามประเด็นข้อพิพาท      โดยจำเลย
อ้างว่า นอกจากโจทก์จะละทิ้งหน้าที่ในวันที่ 1 ถึงวันที่ 12 มีนาคม 2538      แล้ว โจทก์ยังละทิ้งหน้าที่
นับแต่วันที่  13  มีนาคม  2538  จนถึงวันที่จำเลยมีคำสั่งไล่โจทก์ออกจากงาน คือ วันที่  5  กรกฎาคม
2538    รวมเป็นเวลา  4  เดือน  4  วัน  เรื่อยมาโดยไม่มีเหตุอันสมควรอีก อุทธรณ์ของจำเลยดังกล่าว
จึงเป็นการอุทธรณ์ในเรื่องที่อยู่นอกเหนือจากคำฟ้อง   และคำให้การ และเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมา
แล้วโดยชอบในศาลแรงงานกลางต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง    มาตรา 225
วรรคหนึ่ง   ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน  พ.ศ. 2522  มาตรา
31  ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ข้อนี้
 
               จำเลยอุทธรณ์ข้อต่อไปตามข้อ  2.2   ว่า  การที่โจทก์หยุดงานไปตั้งแต่วันที่  1  ถึงวันที่  12 
มีนาคม 2538    โดยไม่แจ้งผู้บังคับบัญชาภายใน  3  วัน    นับแต่วันหยุดงานและมิได้ยื่นใบลาและใบ
รับรองแพทย์         ซึ่งแม้โจทก์จะมีใบรับรองแพทย์มายืนยันในภายหลังในชั้นอุทธรณ์ การกระทำของ
โจทก์ก็เป็นการหยุดงานไปโดยฝ่าฝืนต่อระเบียบการลาของจำเลยซึ่งถือเป็นความผิดวินัย   โจทก์เป็น
พนักงานของจำเลยกว่า  3  ปี   ย่อมทราบถึงกฎระเบียบของจำเลยเป็นอย่างดี     การที่โจทก์หยุดงาน
ดังกล่าวเป็นการละทิ้งหน้าที่การงานติดต่อในคราวเดียวกันเกินกว่า  7 วัน   โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
และมีพฤติการณ์อันแสดงถึงความจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบ คำสั่ง และข้อบังคับของจำเลย    ซึ่งถือ
เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตามระเบียบพนักงานจำเลย  พ.ศ. 2532  ข้อ  36 (6)    เห็นว่าอุทธรณ์
ของจำเลยยังยืนยันว่าที่โจทก์หยุดงานไปดังกล่าวเป็นการละทิ้งหน้าที่การงานติดต่อกันในคราวเดียว
เกินกว่า 7 วัน โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ตามระเบียบ ข้อ 39 (6)   เหมือนเดิม เท่ากับเป็นการอุทธรณ์
โต้แย้งว่า    โจทก์หยุดงานไปดังกล่าวเป็นการกระทำโดยไม่มีเหตุผลสมควรเป็นการโต้แย้งดุลพินิจใน
การรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลาง    อันเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง  ต้องห้ามตามพระราช
บัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง  ศาลฎีกาไม่รับ
วินิจฉัยอุทธรณ์ข้อนี้เช่นกัน
 
 
        คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ข้อ 2.3  ของจำเลยว่า       จำเลยสามารถยกเหตุเลิกจ้างนอกเหนือจากที่ระบุไว้ในหนังสือเลิกจ้างมาต่อสู้ในชั้นพิจารณาของศาลได้หรือไม่     เห็นว่าตามคำสั่งเลิกจ้างโจทก์ เอกสารหมาย จ.ล. 7       จำเลยลงโทษไล่โจทก์ออกจากบริษัทจำเลย ฐานละทิ้งหน้าที่การงานติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินกว่า  7  วัน      โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร อันเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามระเบียบพนักงานของจำเลยข้อ 39 (6)   ส่วนการกระทำของโจทก์ที่ขับรถของจำเลย
คันหมายเลขทะเบียน 11 – 7395  กรุงเทพฯ   หมายเลขข้างรถ 99 – 803  (กรุงเทพ – สมุทรสงคราม)
ไปเกิดอุบัติเหตุเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2536 นั้น  จำเลยกล่าวอ้างไว้ในคำสั่งไล่โจทก์ออกแต่ไม่ได้
นำมาเป็นเหตุลงโทษโจทก์ จำเลยได้ปล่อยให้โจทก์ทำงานต่อมาอีกเป็นเวลานานถึง 1 ปีเศษ โดยไม่
ลงโทษโจทก์ ส่วนความเสียหายทางแพ่งนั้นให้กองบัญชีลูกหนี้ไว้และให้กองกฎหมายดำเนินการเรียก
เงินชดใช้ต่อไป ถือได้ว่าจำเลยไม่ติดใจที่จะลงโทษโจทก์ในกรณีนี้อีก    จำเลยจึงไม่อาจยกเอาเหตุนี้
ขึ้นมาลงโทษโจทก์ได้อีก      ที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยมานั้นชอบแล้ว    อุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ฟัง
ไม่ขึ้น
 
 
             คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยข้อสุดท้ายว่า        จำเลยมีสิทธิเงินประกันของ
โจทก์หรือไม่  เมื่อข้อเท็จจริงฟังยุติแล้วว่าโจทก์มิได้กระทำผิดฐานละทิ้งหน้าที่การงานติดต่อในคราว
เดียวกันเป็นเวลาเกินกว่า 7 วัน โดยไม่มีเหตุอันสมควร อันเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตามระเบียบ
พนักงานของจำเลยข้อ 39 (6)    ที่จำเลยมีคำสั่งไล่โจทก์ออกจากงานจึงไม่ชอบ จำเลยย่อมไม่มีสิทธิ
รับเงินประกันของโจทก์  ตามสัญญาจ้างพนักงานขับรถ เอกสาร ข้อ 6.3 ที่ศาลแรงงานกลางไม่ริบเงิน
ประกันของโจทก์   ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล เมื่อจำเลยไม่มีสิทธิริบเงินประกันของโจทก์จำเลยจึงมี
หน้าที่ต้องคืนเงินประกันพร้อมดอกเบี้ยถ้ามีให้แก่โจทก์ทันทีนับแต่วันเลิกจ้าง เมื่อจำเลยไม่คืนให้ย่อม
ต้องถือว่าผิดนัดนับแต่วันที่เลิกจ้างโดยมิพักต้องเรียกร้องหรือทวงถามแต่ประการใดอีก    เงินประกันที่
จำเลยต้องคืนจึงเป็นหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  มาตรา 224 วรรคหนึ่ง  จำเลยจึงต้อง
เสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่เลิกจ้างเป็นต้นไป ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษามา
นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น



อัพเดท ฎีกาน่าสนใจ

ขึ้นทะเบียนรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเกิน ๓๐ วัน ยังมีสิทธิได้รับเงินประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานได้ article
ลักษณะความผิดเดียวกัน แต่ระดับความร้ายแรงแตกต่างกัน นายจ้างพิจารณาลงโทษแตกต่างกันได้ article
ผู้จัดการสาขา เสนอรายชื่อลูกค้าที่ขาดคุณสมบัติทำประกันชีวิต ถือว่าจงใจทำให้นายจ้างเสียหาย / ผิดร้ายแรง article
หยุดกิจการชั่วคราวตาม มาตรา ๗๕ article
สัญญาจ้างเป็นสัญญาต่างตอบแทน นายจ้างออกค่าใช้จ่ายในการเข้าทดสอบเพื่อรับเกียรติบัตร เมื่อทดสอบผ่านต้องทำงานกับนายจ้าง ๕ ปี บังคับใช้ได้ article
ศาลแรงงานกลางมีอำนาจสั่งรับพยานเอกสารได้ แม้ไม่ได้ส่งสำเนาให้คู่ความอีกฝ่ายก็ตาม article
ประกอบธุรกิจแข่งขัน / ไปทำงานกับนายจ้างอื่น ในลักษณะผิดต่อสัญญาจ้าง เมื่อลูกจ้างได้ชดใช้ค่าเสียหายแก่นายจ้างตามสัญญาแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะบังคับ / ห้ามทำงานตามเงื่อนไขในสัญญาจ้างอีกต่อไป article
คดีแรงงานเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา แม้คดีอาญายกฟ้อง แต่พฤติกรรมการกระทำผิด เป็นเหตุให้นายจ้างไม่อาจไว้วางใจในการทำงานได้ ถือเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
เลิกจ้างเนื่องจากปรับโครงสร้างองค์กร แต่กำหนดรายชื่อไว้ล่วงหน้า ถือเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม article
การหักลบกลบหนี้ หนี้อันเกิดจากสัญญาจ้าง กรณีลูกจ้างกระทำผิดกับสิทธิประโยชน์ที่มีสิทธิได้รับตามสัญญาจ้าง ถือเป็นมูลหนี้อันเป็นวัตถุอย่างเดียวกันหักลบกลบหนี้กันได้ article
เล่นการพนันฉลากกินรวบ เป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน กรณีร้ายแรง article
กรณีไม่ถือเป็นการประกอบธุรกิจแข่งขันหรือไม่ถือว่าทำงานกับนายจ้างใหม่ในลักษณะธุรกิจเดียวกับนายจ้าง article
สัญญาฝึกอบรม นายจ้างกำหนดเบี้ยปรับได้ เป็นสัญญาที่เป็นธรรม article
ค้ำประกันการทำงาน หลักประกันการทำงาน การหักลบกลบหนี้ค่าเสียหายจากการทำงาน article
ใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์แต่ตนเอง เรียกรับเงินจากลูกค้า ถือเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ article
ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา มาทำงานสายประจำ ถือว่า กระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่เลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
สหภาพแรงงานทำบันทักข้อตกลงเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างกับนายจ้าง อันส่งผลกระทบต่อสิทธิหน้าที่ของสมาชิก ขัดกับข้อตกลงเดิมและมิได้ขอมติที่ประชุมใหญ่ ข้อตกลงดังกล่าวไม่อาจใช้บังคับได้ article
ขอเกษียณอายุก่อนกำหนดตามประกาศ ถือเป็นการสมัครใจเลิกสัญญาจ้างแรงงานต่อกัน มิใช่การเลิกจ้างหรือการเกษียณอายุ จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชยตามระเบียบกรณีเกษียณอายุ article
สถาบันวิจัยอันเป็นส่วนหนึ่งของกิจการมหาวิทยาลัยถือเป็นหน่วยงานของรัฐ ได้รับยกเว้น ไม่อยู่ภายใต้บังคับตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน มาตรา ๔ (๑) article
สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า จากการเลิกจ้างมีอายุความฟ้องร้องได้ภายใน ๑๐ ปี article
ทะเลาะวิวาทเรื่องส่วนตัวไม่ส่งผลกระทบต่อการบังคับบัญชา ไม่เป็นความผิด กรณีร้ายแรง ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ article
พี่น้องร่วมบิดา มารดาเดียวกัน มิใช่ทายาทผู้มีสิทธิรับเงินประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ และเงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต ตามพระราชบัญญัติ ประกันสังคม มาตรา ๗๓ และมาตรา ๗๗ article
ขับรถเร็วเกินกว่าข้อบังคับกำหนด เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
ฝ่าฝืนคำสั่งโยกย้าย เลิกจ้างได้ ถือเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
ประกาศใช้ระเบียบใหม่ ไม่ปรากฏว่ามีพนักงานโต้แย้งคัดค้าน ถือว่าทุกคนยินยอมปฏิบัติตามระเบียบ article
เงินค่าตอบแทนพิเศษกับเงินโบนัส มีเงื่อนไขต่างกัน หลักเกณฑ์การจ่ายต่างกัน จึงต้องพิจารณาต่างกัน article
ทายาทผู้มีสิทธิได้รับเงินกองทุนเงินทดแทน article
ค่ารถแทนรถยนต์ประจำตำแหน่ง ไม่ถือเป็นค่าจ้าง และ ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีสะสมให้ถือตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานที่กำหนดไว้ article
เจรจาให้ลาออก ลูกจ้างไม่ตกลง ขอเวลาตัดสินใจและหยุดงานไป นายจ้างแจ้งให้กลับเข้าทำงานตามปกติ ถือว่านายจ้างยังไม่มีเจตนาเลิกจ้าง article
ละทิ้งหน้าที่ แอบนอนหลับในเวลาทำงาน ถือเป็นเหตุในการเลิกจ้างได้ เลิกจ้างเป็นธรรม article
ลาออกโดยไม่สุจริต ไม่มีผลใช้บังคับ article
ทำความผิดคล้ายคลึงกันแต่ไม่เหมือนกัน พิจารณาลงโทษแตกต่างกันได้ article
ประกอบธุรกิจ บริการ ด่าลูกค้าด้วยถ้อยคำหยาบคาย " ควาย " ถือเป็นการกระทำความผิดกรณีร้ายแรง article
ข้อบังคับ ระบุให้ผู้บังคับบัญชาเหนือกว่ามีอำนาจแก้ไข เพิ่มโทษ หรือลดโทษได้ การยกเลิกคำสั่งลงโทษเดิมและให้ลงโทษใหม่หนักกว่าเดิมจึงสามารถทำได้ article
เลือกปฏิบัติในการลงโทษระเบียบการห้ามใส่ตุ้มหูมาทำงาน บังคับใช้ได้ แต่เลือกปฏิบัติในการลงโทษไม่ได้ article
ลงโทษพักงานโดยไม่จ่ายค่าจ้างและเตือนในคราวเดียวกันได้ ตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน article
จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย article
ข้อตกลงรับเงินและยินยอมปลดหนี้ให้แก่กัน ถือเป็นการตกลงระงับข้อพิพาทแม้จะทำขึ้นก่อนคำสั่งเลิกจ้างมีผลใช้บังคับ article
ศาลแรงงานมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานที่คู่ความอ้างส่งศาลได้ แม้มิได้ระบุบัญชีพยานไว้ก็ตาม article
สัญญาจ้างห้ามลูกจ้างไปทำงานกับนายจ้างใหม่ที่ประกอบธุรกิจเช่นเดียวกันมีกำหนดเวลา บังคับใช้ได้ article
เลิกจ้างและรับเงินค่าชดเชย ใบรับเงิน ระบุขอสละสิทธิ์เรียกร้องเงินอื่นใดใช้บังคับได้ ลูกจ้างไม่มีสิทธิ์ฟ้องร้องสินจ้างและค่าเสียหายได้อีก article
เกษียณอายุ 60 ปี ลูกจ้างมีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชยนับแต่วันครบกำหนดเกษียณอายุ แม้นายจ้างไม่ได้บอกเลิกจ้างก็ตาม article
ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องและเพิกเฉยไม่ดูแลผลประโยชน์ของนายจ้าง เป็นเหตุให้นายจ้างไม่ไว้วางใจในการทำงานได้เป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม article
ละเลยต่อหน้าที่ ไม่รายงานเคพีไอ นายจ้างตักเตือนแล้ว ถือว่าผิดซ้ำคำเตือน เลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ทำสัญญาจ้างต่างด้าวทำงานในอาชีพต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าว สัญญาจ้างถือเป็นโมฆะ article
ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง article
ศาลมีคำสั่งให้งดสืบพยาน แล้วพิพากษาตามหลักฐานที่ปรากฏในสำนวน ในขณะที่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทยังมีข้อโต้แย้งกันอยู่ ข้อเท็จจริงยังรับฟังไม่ยุติ ต้องสืบพยานใหม่และพิพากษาใหม่ไปตามรูปคดี article
แม้สัญญาจ้างไม่ได้ระบุระยะเวลาทดลองงานไว้ แต่นายจ้างก็สามารถประเมินผลการทำงานของลูกจ้างได้ article
การควบรวมกิจการ สิทธิและหน้าที่โอนไปเป็นของบริษัทใหม่ การจ่ายเงินสมทบบริษัทใหม่ที่ควบรวมจึงมีสิทธิจ่ายเงินสมทบในอัตราเดิมตามสิทธิ มิใช่ในอัตราบริษัทตั้งใหม่ article
เลิกจ้างรับเงินค่าชดเชยแล้วตกลงสละสิทธิ์จะไม่เรียกร้องผละประโยชน์ใดๆ ถือว่าสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายเป็นอันระงับไป article
รับเหมาก่อสร้าง ผู้รับเหมาต้องรับผิดชอบ จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมแทนผู้รับเหมาช่วง หากผู้รับเหมาช่วงไม่นำส่งเงินสมทบตามกฎหมายโดยคำนวณจากอัตราค่าจ้างที่ระบุตามแบบ ( ภ.ง.ด. 50 ) และบัญชีงบดุล article
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานระบุห้ามทะเลาะวิวาทหรือทำร้ายร่างกาย ผู้บังคับบัญชา เพื่อนพนักงาน ทั้งในสถานที่ทำงาน หรือสถานที่อื่นๆ ฝ่าฝืนถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง ใช้บังคับได้ไม่ขัดต่อกฎหมาย article
ไส้ติ่งอักเสบ แพทย์วินิจฉัยให้ผ่าตัด ถือเป็นกรณีฉุกเฉิน เบิกค่ารักษาได้ มีสิทธิรับเงินทดแทนค่าบริการทางการแพทย์ได้ article
ค่าเช่าที่พัก ค่าใช้จ่ายเดินทางเป็นสวัสดิการไม่ถือเป็นค่าจ้าง article
ค่ารถยนต์ซึ่งกำหนดเป็นสวัสดิการไว้ชัดเจนแยกจากฐานเงินเดือนปกติ ถือเป็นสวัสดิการไม่ใช่ค่าจ้าง article
ละเมิดข้อตกลงสภาพการจ้าง ละเมิดสัญญาจ้าง มีอายุความ 10 ปี มิใช่ 1 ปี article
พฤติกรรมการจ้างที่ถือว่าเป็นการจ้างแรงงาน ถือเป็นลูกจ้าง / นายจ้างตามกฎหมาย article
พนักงานขายรถยนต์ไม่ปฏิบัติหน้าที่ประจำบูธ ตามที่ได้รับมอบหมาย ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
เลือกตั้งคณะกรรมการสหภาพฯ ขัดต่อข้อบังคับสหภาพหรือขัดต่อกฎหมาย ถือว่าเป็นการเลือกตั้งที่ไม่ชอบ article
ฝ่าฝืนสัญญาจ้าง กรณีห้ามทำการแข่งขันกับนายจ้างหรือทำธุรกิจคล้ายคลึงกับนายจ้างเป็นเวลา 2 ปี นับจากสิ้นสุดสัญญาต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่นายจ้าง article
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน ระบุให้นายจ้างเลิกจ้างเพราะเหตุคนล้นงาน ปรับลด ขนาดองค์กรได้ ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะเลิกจ้างลูกจ้างได้ article
ข้อบังคับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กรณีตัดสิทธิ์รับเงินสมทบพร้อมผลประโยชน์หากกระทำผิดถูกปลดออกจากงานบังคับใช้ได้ article
ทะเลาะวิวาทกัน นอกเวลางาน นอกบริเวณบริษัทฯ ไม่ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง article
ฝ่าฝืนไม่ไปตรวจสารเสพติดซ้ำตามคำสั่งและนโยบาย ถือว่าฝ่าฝืน ข้อบังคับ หรือ ระเบียบ กรณีร้ายแรง article
วันหยุดพักผ่อนประจำปีตามส่วน article
เป็นลูกจ้างที่มีอำนาจกระทำการแทนนายจ้างในการจ้างงาน ไม่มีสิทธิได้รับค่าทำงานในวันหยุด และลักทรัพย์เอาต้นไม้ของนายจ้างไป ถือว่ากระทำผิดอาญาแก่นายจ้าง เลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ผลการทำงานดีมาโดยตลอดและไม่เคยกระทำผิดมาก่อน แต่ปีสุดท้ายผลงานต่ำกว่ามาตรฐาน ไม่ถือเป็นเหตุที่จะอ้างในการเลิกจ้าง article
ได้รับบาดเจ็บรายการเดียว เข้ารักษา 2 ครั้ง ถือว่าเป็นการรักษารายการเดียว นายจ้างสำรองจ่ายเพิ่มเติมไม่เกิน 50,000 บาท ไม่ใช่ 200,000 บาท article
ผู้บริหารบริษัท ฯ ถือเป็นลูกจ้างหรือไม่ ดูจาก_________ ? article
ขับรถออกนอกเส้นทาง แจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อผู้บังคับบัญชา ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรงและก่อให้เกิดความเสียหายแก่นายจ้าง นายจ้างหักเงินประกันการทำงานได้ article
ค่าจ้างระหว่างพักงาน เมื่อข้อเท็จจริง ลูกจ้างกระทำความผิดจริง จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างระหว่างพักงาน article
“ นายจ้าง ” ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน มาตรา 5 article
สัญญารักษาความลับ ข้อมูลทางการค้า (ห้ามประกอบหรือรับปฏิบัติงานแข่งขันนายจ้าง) มีกำหนด 2 ปี บังคับใช้ได้ ไม่ขัดต่อกฎหมาย และการกำหนดค่าเสียหาย ถือเป็นเบี้ยปรับตามกฎหมาย ศาลปรับลดได้ตามสมควร article
เงินรางวัลการขายประจำเดือน จ่ายตามเป้าหมายการขาย ที่กำหนดไว้ ไม่ถือเป็นค่าจ้าง article
ค่าโทรศัพท์ เหมาจ่าย ถือเป็นค่าจ้าง article
ละทิ้งหน้าที่ 3 วันทำการ โดยไม่มีเหตุอันสมควร เลิกจ้างเป็นธรรมไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย article
ลาออกมีผลใช้บังคับแล้ว ออกหนังสือเลิกจ้างภายหลังใช้บังคับไม่ได้ article
ตกลงรับเงิน ไม่ติดใจฟ้องร้องอีกถือเป็นการตกลงประนีประนอมกันบังคับได้ ไม่ขัดต่อกฎหมาย
เลิกจ้างระหว่างทดลองงาน ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
ข้อตกลงว่า “หากเกิดข้อพิพาทตามสัญญาจ้างแรงงาน ให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย” ไม่เกี่ยวกับสิทธิตามกฎหมายแรงงาน เมื่อเกิดสิทธิตามกฎหมาย ฟ้องศาลแรงงานได้ โดยไม่ต้องให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย article
เลิกจ้างด้วยเหตุอื่น อันมิใช่ความผิดเดิมที่เคยตักเตือน ไม่ใช่เหตุที่จะไม่จ่ายค่าชดเชย เลิกจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย article
นำรถยนต์ไปใช้ในกิจธุระส่วนตัว มีพฤติกรรมคดโกง ไม่ซื่อตรง พฤติกรรมส่อไปในทางทุจริต ไม่น่าไว้วางใจ ลงโทษปลดออกจากการทำงานได้ article
การกระทำที่กระทบต่อเกียรติ ชื่อเสียงของนายจ้าง และเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แม้กระทำนอกสถานที่ทำงานและนอกเวลางาน ก็ถือว่า ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานกรณีร้ายแรง article
สัญญาค้ำประกันการทำงานไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้ ต้องรับผิดชอบตลอดไป article
ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาเลิกจ้างได้ ถือว่าเลิกจ้างเป็นธรรมและความผิดที่ลงโทษแล้วจะนำมาลงโทษอีกไม่ได้ article
ผิดสัญญาจ้างไปทำงานกับคู่แข่ง นายจ้างฟ้องเรียกค่าเสียหายตามสัญญาได้ แต่ค่าเสียหาย เป็นดุลพินิจของศาลจะกำหนด article
จงใจกระทำผิดโดยผิดกฎหมายเป็นเหตุให้นายจ้างเสียหาย ถือว่า กระทำละเมิดต่อนายจ้าง ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น article
ตกลงสละสิทธิ์เรียกร้องค่าเสียหาย ภายหลังเลิกจ้าง ใช้บังคับได้ ไม่เป็นโมฆะ article
ก้าวร้าวไม่ให้ความเคารพผู้บังคับบัญชา ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริตเลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้ามิใช่ค่าจ้าง คิดดอกเบี้ยในอัตรา 7. 5 ต่อปี article
ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของนายจ้างในเรื่องส่วนตัวเป็นประจำ ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่กาปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริต เลิกจ้างเป็นธรรม article
สั่งให้พนักงานขับรถ ขับรถออกนอกเส้นทางแต่ไม่ได้มีส่วนในการขับรถ ถือว่าผิดต่อสัญญาจ้าง แต่ไม่ต้องรับผิดอันมีผลโดยตรงจากมูลละเมิด ( ขับรถโดยประมาท ) article
จ่ายของสมนาคุณให้ลูกค้า โดยไม่ตรวจสอบบิลให้ถูกต้อง มิใช่ความผิดกรณีร้ายแรงไม่ใช่การทุจริตต่อหน้าที่ แต่ถือว่ากระทำการอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เสร็จลุล่วงไปโดยถูกต้อง และสุจริต เลิกจ้างได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า article
ฟ้องประเด็นละเมิด กระทำผิดสัญญาจ้าง ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง มีอายุความ 10 ปี article
ตกลงยินยอมให้หักค่าจ้างชำระหนี้ตามสัญญาค้ำประกันเงินกู้ นายจ้างสามารถหักค่าจ้างได้ตามหนังสือยินยอมโดยไม่ต้องฟ้อง article
กระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้างและประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง article
“ งานโครงการตามมาตรา 118 วรรค 4 ” บริษัทรับเหมาก่อสร้าง ว่าจ้างลูกจ้างทำงานตามโครงการที่รับเหมา ถือว่าจ้างงานในปกติธุรกิจของนายจ้าง มิใช่งานโครงการ article
เงินโบนัสต้องมีสภาพการเป็นพนักงานจนถึงวันกำหนดจ่าย ออกก่อนไม่มีสิทธิได้รับ article
ระเบียบกำหนดจ่ายเงินพิเศษ ( gratuity ) เนื่องจากเกษียณอายุ โดยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่ายแตกต่างจากการจ่ายค่าเชย ถือว่านายจ้างยังไม่ได้จ่ายค่าชดเยตามกฎหมาย article



Copyright © 2010 All Rights Reserved.

บริษัท กฎหมายปาระมี จำกัด

เลขที่ 511/4 ถนนประชาอุทิศ 117/1 แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร (10140)

โทร/Tel : 02 - 8159522, แฟกซ์/Fax : 02 - 8159523, มือถือ/Mobile : 081 - 7936156

อีเมล/E-mail : sawai.prm@gmail.com, เว็บไซต์/Web : www.parameelaw.com