เจาะลึก! พิธีเปิด World Cup 2010
ส่วนหนึ่งที่ทำให้ฟุตบอลโลกเวอร์ชั่นแอฟริกัน เริ่มได้บรรยากาศคึกคักมากขึ้น ก็คือการเล่นข่าวของสื่อแอฟริกาใต้นั่นเอง
ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นทีวี หรือสิ่งพิมพ์หลากหลายภาษาในประเทศเจ้าภาพ นำเอาเรื่องราวต่างๆ ของการเป็นเจ้าภาพครั้งนี้มาตีแผ่กันอย่างเอิกเกริก
โดยเฉพาะซันเดย์ ไทมส์ หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ประจำวันอาทิตย์ หยิบเอาเรื่องราวของพิธีเปิดการแข่งขันและภาพที่ทางเจ้าภาพปิดเป็นความลับมา ขึ้นหน้าหนึ่งหราก่อนจะไปลงลึกในรายละเอียดตรงนั้น
อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจก็เห็นจะหนีไม่พ้นเรื่องเงินๆ ทองๆ เพราะจากรายงานล่าสุดในฉบับเดียวกัน ยืนยันว่าการเป็นเจ้าภาพเวิลด์ คัพ ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ทำให้พลเมืองที่นี่ต้อง ''จ่ายแพง'' กว่าที่ผ่านมาหลายเท่าตัว สิ่งที่พวกเขาต้องควักกระเป๋าจ่ายก็คือภาษีที่เพิ่มขึ้นครับ ทั้งหมดนั้นมาจากงบประมาณที่บานปลายในทุกด้าน ทำให้รัฐบาลแอฟริกาใต้ต้องหาทางเก็บเงินเพิ่ม ชดเชยกับที่ผลาญไปถึง 4 หมื่นล้านแรนด์ หรือราว 2 แสนล้านบาทโดยเร็ว
หนักกว่านั้นคือ ซันเดย์ ไทมส์ ยืนยันผลการสำรวจจากปากผู้เชี่ยวชาญและข้อมูลรอบด้านว่า การจัดเวิลด์ คัพครั้งนี้มันเกินงบจากที่ตั้งไว้อย่างมหาศาล แถมความหวังเรื่องรายได้ที่มองไว้แต่แรก ก็ดูจะสูงจนไม่น่าเป็นไปได้อีกต่างหาก
ยกตัวอย่างเช่นค่าก่อสร้างและต่อเติมสนามทั้ง 10 แห่งใน 9 เมืองเจ้าภาพ ก็กินงบประมาณรวมกันแล้วถึง 16,500 ล้านแรนด์ มากกว่าที่ประเมินเอาไว้ตอนได้ไฟเขียวจากฟีฟ่าในปี 2003 ถึง 10 เท่าตัว เพราะตอนแรกโปรเจกต์นี้มีงบจัดไว้แค่ 1,600 ล้านแรนด์เท่านั้นเองล่ะครับ
เงินภาษีที่สูบมาจากประชาชนก็ขึ้นไปแตะหลัก 4 หมื่นล้านแรนด์ เยอะกว่างบประมาณ 3 หมื่นล้านแรนด์ ที่รมต.คลังแอฟริกาใต้ประกาศไว้ในเดือน ก.พ. เสียอีก เล่นเอาบรรดาฝ่ายปกครองท้องถิ่นทั้งหลายต้องช่วยกันควักกระเป๋ามาเติมเต็ม ส่วนต่างตรงนี้กันจ้าละหวั่น
ตัวอย่างของการระดมทุนที่ชัดเจนก็มี เคปทาวน์ ซึ่งออกพันธบัตรเรียกเงินได้ถึง 1 พันล้านแรนด์ เพื่อใช้ส่วนหนึ่งมาสร้างซูเปอร์สเตเดี้ยมอย่าง กรีน พอยท์ แต่ในเวลาเดียวกันก็ต้องหาเงินคืนจากภาษีในวันข้างหน้า
ขณะที่ผลต่อเนื่องด้านเศรษฐกิจ ถ้ากางงบใช้จ่ายของรัฐออกไปน่าจะอยู่ที่ราวๆ 27,000 ล้านแรนด์ ส่วนผลการประเมินรายได้จากนักท่องเที่ยว คาดว่าอยู่ที่ 8,800 ล้านแรนด์
แน่นอนว่าโปรเจกต์ที่ใช้เงินมากที่สุด ก็คือการสร้างสนามใหม่ถึง 5 แห่ง รวมทั้งปรับปรุงซอคเก้อร์ ซิตี้ จากเอฟเอ็นบี สเตเดี้ยม ของเดิม ที่ว่าไปแล้วก็ไม่ต่างจากสร้างใหม่เหมือนกัน จากที่คาดไว้ทั้งหมด 1,600 ล้านในปี 2004 จนต้องเพิ่มเป็น 8,300 ล้านในอีกสองปีถัดมา ปิดท้ายที่ตัวเลข 16,500 ล้านแรนด์สุดท้าย นับเป็นการเพิ่มเติมจากของเก่าเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ น่าแปลกอยู่นิดหน่อยที่ เอลลิส พาร์ค กลายเป็นสนามซึ่งเกินงบที่สุดถึง 400 เปอร์เซ็นต์ จาก 100 ล้านเป็น 500 ล้านแรนด์โน่นไม่รวมโปรเจกต์อื่นเช่นรถไฟสายเกาเทรน ไปจนถึงต่อเติมแอร์พอร์ตอีกมากมายมหาศาล เรียกว่าผลสำรวจล่าสุดนั้นเชื่อว่า ฟุตบอลโลกไม่น่าจะส่งผลอะไรใหญ่โตกับเศรษฐกิจของแอฟริกาใต้มากนักในระยะ ใกล้ๆ นั่นเอง
ส่วนสกู๊ปเด็ดที่โดนเอามาตีแผ่หราบนหน้าปกของซันเดย์ ไทมส์ อาจไม่ใช่เรื่องแปลกมากมาย แต่ตากล้องของที่นี่ถึงกับลงทุนขึ้นเครื่องไปบินวนเหนือซอคเก้อร์ ซิตี้ เพื่อเก็บภาพแบบเอ็กซ์คลูซีฟโดยเฉพาะรายละเอียดในพิธีเปิดแบบคร่าวๆ ก่อนเกมเปิดสนามระหว่างแอฟริกาใต้กับเม็กซิโกจะกินระยะเวลาราวหนึ่งชั่วโมง และใช้คนแสดงถึง 1,500 คน
ในจำนวนนั้นยังมีนักร้องอเมริกัน อาร์ เคลลี่ และกลุ่มนักร้องโอเปรา ที่จะมาร้องเพลงธีมของเวิลด์ คัพ ''Sign of a Victory'' ไป จนถึงการปรากฏตัวของสามนักร้องดังชาวแอฟริกัน คาเล็ด จากแอลจีเรีย, โอซิบิซ่า ของกานา และ เฟนนี่ เคติ จากไนจีเรีย มาร้องเพลงดังของคนท้องถิ่นในชื่อ Bang Bang Bang
แต่ที่น่าจะเป็นไฮไลต์ของคนที่นี่ ก็คงเป็นการปรากฏตัวของ ธิโมธี โมลอย นักร้องอาร์แอนด์บี ที่โดดเข้ามาแทน ซิฟิเว่ เชเบ้ ที่เสียชีวิตลงอย่างกะทันหันด้วยโรคตับอักเสบเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้าที่บ้าน พักในพอร์ท เอลิซาเบธ โดยรายแรกจะเข้ามาขับร้องเพลง ''Hope'' เพื่ออดีตประธานาธิบดี เนลสัน แมนเดล่า โดยเฉพาะ
นอกจากนั้นยังมีการแสดงแดนเซอร์แบบคาโปเอรา ศิลปะการต่อสู้สไตล์บราซิล รวมทั้งการตีกลองของนักแสดงหลากหลายรุ่นอายุตั้งแต่ 10 ถึง 59 ปี โดยมีแนวทางการนำเสนอแทน 6 ชาติในโซนแอฟริกันที่มาร่วมสังฆกรรมในบอลโลกหนนี้ ไม่ว่าจะเป็นแอฟริกาใต้, ไอวอรี่โคสต์, ไนจีเรีย, แอลจีเรีย, กานา และแคเมอรูน
ก่อนหน้านั้นหนึ่งคืนยังมี คอนเสิร์ตฉลองที่ออร์แลนโด สเตเดี้ยม ซึ่งตอนนี้ยังมีเรื่องยุ่งๆ กับสหภาพแรงงานที่จ้องบอยคอตงานอยู่นิดหน่อย โทษฐานที่ฟีฟ่าจัดเอาศิลปินท้องถิ่นขึ้นแสดงน้อยไป
งานนี้ยังมีผู้นำจากราว 50 ประเทศเข้าร่วม ก่อนที่แมตช์ใหญ่ระหว่างเจ้าภาพ ''บาฟาน่า บาฟาน่า'' จะได้ฤกษ์ระเบิดขึ้นในซอคเก้อร์ ซิตี้ บวกกับสีสันความงามรูปทรงคาลาบา ของสนามแห่งนี้ น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของฟุตบอลโลกเวอร์ชั่นที่สวยงามสมใจเจ้าภาพ และ เซปป์ แบล็ตเตอร์ บิ๊กบอสฟีฟ่า ที่ลงทุนมอบสิทธิ์นี้ให้แก่แอฟริกาใต้โดยเฉพาะ