ReadyPlanet.com
dot dot
dot
ชมรมบริหารงานบุคคล
dot
bulletสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย
bulletชมรมบริหารงานบุคคล
bulletชมรมบริหารงานบุคคล อยุธยา
bulletชมรมบริหารงานบุคคลรังสิต
bulletชมรมผู้บริหารงานบุคคล อมตะนคร
bulletสมาคมการบริหารงานบุคคล (PAAs)
bulletชมรมบริหารงานบุคคลบางพลี
bulletชมรมนักบริหารงานบุคคลพัทยา
bulletชมรมบริหารงานบุคคลยุคใหม่
bulletชมรมผู้บริหารงานบุคคลจังหวัดราชบุรี
bulletงานบริหารงานบุคคล
bulletชมรมงานบริหารงานบุคคลกรุงเทพฯ
bulletชมรมบริหารงานบุคลสุขสวัสดิ์
dot
ติดต่อราชการศาล
dot
bulletศาลแรงงานกลาง
bulletศาลแรงงานภาค ๒
bulletศาลยุติธรรม
bulletศาลปกครอง
bulletศาลรัฐธรมนูญ
bulletสำนักงานอัยการสูงสุด
bulletกระทรวงยุติธรรม
bulletคณะกรรมการกฤษฎีกา
bulletกรมบังคับคดี
bulletสภาทนายความ
dot
หน่วยงานราชการสำคัญ
dot
bulletกระทรวงแรงงาน
bulletกรมการจัดหางาน
bulletกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
bulletกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
bulletสำนักงานประกันสังคม
bulletกรมสรรพากร
bulletกรมบัญชีกลาง
bulletกรมพัฒนาธุรกิจกาค้า
bulletกระทรวงอุตสาหกรรม
bulletกรมโรงงานอุตสาหกรรม
bulletกรมส่งเสริมอุตสาหรม
bulletการนิคมอุตสาหกรรม
dot
ลิ้งค์เพื่อนบ้าน
dot
bulletสมบัติลีกัล
bulletเอกเซลสำหรับงาน HR โดย อ.สำเริง
bulletบทความดี ๆ จากโกป้อม
dot
อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ
dot
dot
Newsletter

dot


พยากรณ์อากาศวันนี้
..................................


ราคาน้ำมันวันนี้
..................................



การยื่นข้อเรียกร้อง การเจรจา และวิธีระงับข้อพิพาทแรงงาน article

การยื่นข้อเรียกร้อง การเจรจา และวิธีระงับข้อพิพาทแรงงาน

                สวัสดิการ หรือระเบียบ หรือข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง   นอกจากจะมาจากนายจ้างจะเป็นผู้ประกาศกำหนดฝ่ายเดียวแล้ว   ในหลาย ๆ เรื่อง   ส่วนหนึ่งมีที่มาจากการยื่นข้อเรียกร้อง 
                ปัจจุบันการยื่นข้อเรียกร้อง เพื่อขอเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง หรือขอสวัสดิการหรือข้อกำหนดเกี่ยวกับการทำงานเพิ่มเติม สามารถพบเห็นได้ทั่วไป และหลาย ๆ บริษัทอาจมีประสบการณ์ในการยื่นข้อเรียกร้อง การเจรจา มาแล้วไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะบริษัท ไหนมีสหภาพแรงานด้วยแล้ว คงปฏิเสธไม่ได้กับการยื่นข้อเรียกร้อง 
              ผมขอสรุปหลักเกณฑ์และข้อกฎหมายบางส่วน เกี่ยวกับการยื่นข้อเรียกร้อง การเจรจา และการระงับข้อพิพาท ตามหลักกฎหมายแรงงานกัน   เพื่อเป็นแนวทางการทำงาน  การปฏิบัติที่ถูกต้องตามกฎหมาย  ดังนี้ครับ
 
การยื่นข้อเรียกร้อง
                ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง มีผลใช้บังคับภายในระยะเวลาที่นายจ้างและลูกจ้างได้ตกลงกัน แต่จะตกลงกันเกินกว่าสามปีไม่ได้
                ในกรณีที่ระยะเวลาที่กำหนดตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างสิ้นสุลง   ถ้าไม่ได้มีกรเจรจาตกลงกันใหม่ ให้ถือว่าข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างนั้น มีผลใช้บังคับต่อไปอีกคราวละหนึ่งปี 
(ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.๒๕๑๘ มาตรา ๑๒)
 
                ดังนั้น ก่อนจะครบกำหนด   นายจ้างหรือลูกจ้าง หากต้องการเปลี่ยนแปลงแก้ไข หรือต้องการเพิ่มเติม ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างใด   จึงมีหน้าที่ต้องยื่นข้อเรียกร้องต่ออีกฝ่ายหนึ่ง คือ
-          ยื่นข้อเรียกร้องเป็นหนังสือ เพื่อกำหนดข้อตกลง หรือแก้ไขเพิ่มเติมข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง ให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบ
นายจ้างเป็นฝ่ายยื่นข้อเรียกร้อง 
-      ต้องระบุชื่อผู้เข้าร่วมในการเจรจา หรือแต่งตั้งผู้แทนในการเจรจาก็ได้  
-          ผู้แทนของนายจ้างต้องเป็น กรรมการ ผู้ถือหุ้น ผู้เป็นหุ้นส่วน หรือลูกจ้างประจำของนายจ้าง กรรมการของสามคมนายจ้างหรือกรรมการสมาพันธ์นายจ้าง
-          มีจำนวนไม่เกิน    ๗    คน
ลูกจ้างเป็นฝ่ายยื่นข้อเรียกร้อง
-          ต้องมีรายชื่อและลายมือชื่อของลูกจ้างซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้อง 
-          มีจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ   ๑๕ ของลูกจ้างทั้งหมด
-          ลูกจ้างเลือกตั้งผู้แทนในการเจรจา   ไม่เกิน   ๗ คน
                (ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.๒๕๑๘ มาตรา ๑๓)
 
การเลือกตั้งผู้แทนเจรจา ลูกจ้างจัดการเองได้หรือร้องขอให้พนักงานประนอมข้อพิพาทจัดการแทนก็ได้ 
(ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.๒๕๑๘ มาตรา ๑๔)
               
สมาคมนายจ้างหรือสหภาพแรงงาน    ยื่นข้อเรียกร้องแทน
-          ต้องมีสมาชิกไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนลูกจ้างทั้งหมด
(ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.๒๕๑๘ มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง)
-          กรณีสหภาพแรงงาน   ต้องมีมติจากที่ประชุมใหญ่เท่านั้น   ให้ดำเนินการได้ เนื่องจาก
ถือว่าเป็นการดำเนินกิจการอันอาจกระทบกระเทือนถึงส่วนได้ส่วนเสียของสมาชิกเป็นส่วนรวม 
(ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.๒๕๑๘ มาตรา ๑๐๓ )
 
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการดำเนินการดังกล่าวของสหภาพแรงงาน   สามารถ ยื่นคำร้องเป็นหนังสือให้พนักงานประนอมข้อพิพาทตรวจสอบความถูกต้องได้ 
(ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.๒๕๑๘ มาตรา ๑๕ วรรคสาม )
 
การเจรจาและวิธีระงับข้อพิพาท
 
                เมื่อได้รับข้อเรียกร้องแล้ว   ฝ่ายที่รับข้อเรียกร้องต้อง
-          นัดเจรจาภายใน ๓ วัน นับแต่วันที่ได้รับข้อเรียกร้อง
-          แจ้งชื่อตนเองหรือผู้แทนในการเจรจาเป็นหนังสือให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบ
(ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.๒๕๑๘ มาตรา ๑๖ )
 
                -   ทั้งนายจ้างและลูกจ้างสามารถแต่งตั้งที่ปรึกษาในการเจรจาได้ ไม่เกินฝ่ายละ ๒   คน
ที่ปรึกษา ต้องมีคุณสมบัติตามที่อธิบดีกำหนด   และ ได้รับการจดทะเบียนเป็นที่ปรึกษา
                (ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.๒๕๑๘ มาตรา ๑๗ )
 
                -   กรณีไม่มีการเจรจากันภายใน ๓   วัน   หรือเจรจากันแล้วแต่ไม่สามารถตกลงกันได้    ให้ถือว่ามีข้อพิพาทแรงงานเกิดขึ้น
                -    ฝ่ายที่ยื่นข้อเรียกร้อง   มีหน้าที่   แจ้งพนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานทราบ   เป็นหนังสือ    ภายใน   ๒๔ ชั่วโมง   นับแต่เวลาพ้นกำหนด ๓ วัน หรือนับแต่วันที่ตกลงกันไม่ได้
                (ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.๒๕๑๘ มาตรา ๒๑ )
 
                -   พนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานมีหน้าที่ดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท เพื่อให้ตกลงกันภายใน ๕   วัน   นับแต่วันรับหนังสือแจ้ง
                (ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.๒๕๑๘ มาตรา ๒๒ วรรคหนึ่ง )
 
กรณีสามารถตกลงกันได้ 
-      ให้ทำบันทึกข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างไว้ 
                -     ประกาศโดยเปิดเผยไว้ ณ ที่ทำงาน ไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้ตกลงกัน
                -   นายจ้างนำข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างไปจดทะเบียน ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้ตกลงกัน
กรณีไม่สามารถตกลงกันได้ 
-     ถือว่าข้อพิพาทแรงงานนั้น   เป็นข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้
                -   นายจ้างและลูกจ้างอาจตกลงกันตั้งผู้ชี้ขาดข้อพิพาทแรงงานคนหนึ่งหรือหลายคนได้ ตามมาตรา  ๒๖ 
                -    นายจ้างใช้สิทธิปิดงานหรือลูกจ้างใช้สิทธิหยุดงานได้ 
                (ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.๒๕๑๘ มาตรา ๒๒ วรรคสาม )
 
                -   ก่อนการใช้สิทธิปิดงานหรือหยุดงาน ต้องแจ้งเป็นหนังสือให้พนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานและอีกฝ่ายหนึ่งทราบล่วงหน้าอย่างน้อย ๒๔ ชั่วโมง นับแต่เวลาที่รับแจ้ง
                (ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.๒๕๑๘ มาตรา ๓๔ วรรคท้าย )
 
                การใช้สิทธิปิดงาน หรือหยุดงาน กฎหมายไม่ได้กำหนดระยะเวลาการใช้สิทธิ์ไว้ ดังนั้นจึงถือเป็นสิทธิ์ของและฝ่ายในการใช้สิทธิ์   ตราบใดที่ข้อพิพาทแรงงานยังไม่สามารถตกลงกันได้
                ในทางปฏิบัติพนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงาน ไม่ว่าจะเป็นแรงงานพื้นที่เขต แรงงานจังหวัด หรือสำนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานประจำกระทรวงแรงงาน ฯ แล้วแต่กรณี    จะเป็นหน่วยงานหลักในการเจรจาไกล่เกลี่ยไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง    เพื่อให้ข้อพิพาทยุติโดยเร็ว
                ถึงที่สุดแล้ว หากข้อพิพาทแรงงานไม่สามารถหาข้อยุติ ไม่สามารถตกลงกันได้     พนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานจะเสนอเรื่องต่อรัฐมนตรี   เพื่อพิจารณาออกคำสั่งอย่างหนึ่งอย่างใดหรือหลายอย่าง    หากเห็นว่าการปิดงานหรือการนัดหยุดงานนั้น 
-   อาจทำให้เกิดความเสียหายแก่เศรษฐกิจของประเทศ   หรือ  
-   อาจก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชน หรือ
-   อาจเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือ 
-   อาจขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน
คำสั่งอาจเลือกข้อหนึ่งข้อใดหรือหลายข้อรวมกันได้ตามแต่จะเห็นสมควร   คือ
-   สั่งให้นายจ้างซึ่งปิดงานรับลูกจ้างกลับเข้าทำงานและจ่ายค่าจ้างตามอัตราที่เคยจ่ายให้แก่ลูกจ้างนั้น
-   สั่งให้ลูกจ้างซึ่งนัดหยุดงานกลับเข้าทำงานตามปกติ
-   จัดให้บุคคลเข้าทำงานแทนที่ลูกจ้างซึ่งมิได้ทำงานเพราะการปิดงานหรือการนัดหยุดงาน นายจ้างต้องยอมให้บุคคลเหล่านั้นเข้าทำงาน และห้ามมิให้ลูกจ้างขัดขวางให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างแก่บุคคลเหล่านั้นตามอัตราที่เคยจ่ายให้แก่ลูกจ้าง
-   สั่งให้คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ดำเนินการชี้ขาดข้อพิพาทแรงงาน
(ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.๒๕๑๘ มาตรา ๓๕ )
 

 สรุปโดยนายไสว   ปาระมี




แรงงานสัมพันธ์

กรรมการลูกจ้าง กับ กรรมการสหภาพแรงงาน article
ใช้สิทธิปิดงาน งดจ้าง หรือการใช้สิทธิหยุดงาน ประท้วง article
ยื่นข้อเรียกร้อง ชอบหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตรวจสอบอย่างไร ส่งผลอย่างไรต่อนายจ้างและลูกจ้าง article
พนักงานประท้วง ! ทำอย่างไรดี ? article
สหภาพแรงงาน article
กฎหมายแรงงานเบื้องต้นสำหรับ HR article
การขอใช้สิทธิ์ กรณีว่างงานควรทำอย่างไร ? article



Copyright © 2010 All Rights Reserved.

บริษัท กฎหมายปาระมี จำกัด

เลขที่ 511/4 ถนนประชาอุทิศ 117/1 แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร (10140)

โทร/Tel : 02 - 8159522, แฟกซ์/Fax : 02 - 8159523, มือถือ/Mobile : 081 - 7936156

อีเมล/E-mail : sawai.prm@gmail.com, เว็บไซต์/Web : www.parameelaw.com