จับตา 'แรงงานต่างด้าว' ทะลักไทย ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร พ้อ! คนไทยเปิดประตูบ้าน ทำร้ายไทย เพื่อเห็นประโยชน์ตอบแทนเป็นตัวเงิน
จับตาแก๊งลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้าไทยมาอีกแล้ว ปลายทาง "กทม.-สมุทรสาคร" ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร โพสต์วิตกอาจบานปลาย กลับมาระบาดใหม่ พ้อ! คนไทยบางกลุ่มเปิดประตูบ้าน เพราะเห็นแก่ประโยชน์
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 จ.สมุทรสาคร ที่เคยผ่านห้วงวิกฤติมาแล้วเมื่อครั้งการระบาดระลอกสองนั้น ล่าสุด จากการรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อของสมุทรสาคร ประจำวันที่ 7 พ.ค. 64 ณ เวลา 24.00 น. พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม 77 รายนั้น เมื่อคืนวันที่ 7 พ.ค. 64 นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี โดยระบุถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า หรือ “โควิด-19" ว่า ล่าสุดได้ตรวจพบการติดเชื้อในกลุ่มแรงงานต่างชาติของโรงงานแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาคร จึงได้ทำการปิดโรงงานดังกล่าวเป็นเวลา 14 วัน พร้อมกักตัวพนักงานที่มีความเสี่ยงสูงในหอพัก และเร่งดำเนินการตรวจเชิงรุกทันที
โดยเพื่อความปลอดภัยของประชาชน ทางสมุทรสาครเราจะเฝ้าระวังเชิงรุกกันให้เข้มข้นขึ้น และทางสำนักงานประกันสังคม ได้เตรียมการตรวจโควิดทางน้ำลาย 15,000 ราย โดยเฉพาะบริเวณใกล้เคียงกับสถานที่ซึ่งพบการติดเชื้อ โดยมีนายอำเภอทั้ง 3 อำเภอ จะช่วยชี้เป้าหมายพื้นที่แออัดของสมุทรสาคร และสุ่มตรวจกันเพิ่มเติมในพื้นที่เหล่านี้อีกสัปดาห์ละ 500 คน (นอกเหนือจากกลุ่มเสี่ยงหรือกลุ่มสัมผัสผู้ป่วยซึ่งต้องตรวจอยู่แล้ว)
พร้อมกันนี้ ยังระบุถึงความกังวลหลังได้รับแจ้งข้อมูลทั้งจากประชาชนและภาคเอกชนว่า แรงงานต่างชาติหลบหนีเข้ามามาอีกเป็นจำนวนมาก โดยจากการเข้าจับกุมแรงงานต่างชาติในจังหวัดหนึ่ง ระบุว่า "สมุทรสาคร" และ "กรุงเทพมหานคร" เป็นหนึ่งในจุดหมายสำคัญของกลุ่มนี้ ซึ่งนั่นก็อาจทำให้เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดอีกครั้ง
และระบุเพิ่มเติมสำหรับประเด็นนี้ว่า เจ้าหน้าที่ได้เร่งตรวจค้นตามเบาะแสที่แจ้งมาทันที และหลังจากนี้จะตรวจค้นเชิงรุกกันอีกอย่างต่อเนื่อง โดยในวันนี้ (8 พ.ค.) จะมีการประชุมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการนำเข้าแรงงานต่างชาติทั้งหมด เพื่อหารือแนวทางทำงานร่วมกันให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด
“สิ่งหนึ่งที่ผมไม่สบายใจเลย ท่ามกลางวิกฤตเช่นนี้ คนไทยด้วยกันเองกลับ “เปิดประตูบ้าน” ลักลอบทำเรื่องผิดกฎหมายเพราะหวังผลประโยชน์ตอบแทนเป็นตัวเงิน โดยไม่คิดเลยว่ามันจะกระทบกลายเป็นปัญหาใหญ่ ทำลายสวัสดิภาพและสร้างปัญหาปากท้องของ “คนบ้านเดียวกัน” ทั้งที่รู้ว่าทุกคนกำลังย่ำแย่เต็มที"
พร้อมระบุอีกว่า
"วิกฤตครั้งใหญ่ที่ผ่านมา แม้ชาวสมุทรสาครหลายท่านยังไม่ฟื้นตัวดีนัก แต่ยังมีน้ำใจสนับสนุนการดูแลผู้ติดเชื้อจากพื้นที่ใกล้เคียง ขอบคุณชาวสมุทรสาครอย่างมากสำหรับความร่วมมือในทุกด้าน รวมทั้งคอยเป็นหูเป็นตาให้กันช่วยดูแลบ้านเรา ผมยินดีรับฟังคำแนะนำและข้อมูลของทุกท่าน เพื่อเราจะได้ช่วยกันป้องกันสมุทรสาครให้ปลอดภัย และกลับมาฟื้นตัวได้โดยเร็วที่สุดครับ"