คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๓๗๙๘/๕๗
การหักลบกลบหนี้ หนี้อันเกิดจากสัญญาจ้าง กรณีลูกจ้างกระทำผิดกับสิทธิประโยชน์ที่มีสิทธิได้รับตามสัญญาจ้าง ถือเป็นมูลหนี้อันเป็นวัตถุอย่างเดียวกันหักลบกลบหนี้กันได้
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลยเมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๓๓ จนถึงวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ จึงลาออกจากงาน โจทก์มีสิทธิได้รับเงินสะสม ๘๐,๘๖๕ บาท เงินโบนัสค่าดำเนินการขายประจำเดือนตุลาคม ๒๕๔๕ เป็นเงิน ๑๗,๗๓๗ บาท เงินช่วยเหลือ ๖,๕๐๐ บาท รวมเป็นเงินทั้งหมด ๑๐๕,๑๐๒ บาท โจทก์ทวงถามแล้ว จำเลยเพิกเฉย โจทก์คิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ จนถึงวันฟ้องเป็นเงิน ๔๙.๙๑๙ บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน ๑๕๕,๐๒๑ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาจ้างและทำให้จำเลยได้รับความเสียหายจำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์เพราะทุจริตต่อหน้าที่และกระทำผิดอาญาต่อนายจ้าง ไม่ใช่เป็นกรณีที่โจทก์ลาออกโดยไม่มีความผิดจำเลยได้ยื่นฟ้องโจทก์ให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๒๐๓/๒๕๕๒ ของศาลแรงงานภาค ๓ และร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอหนองกี่เมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๔๖ ให้ดำเนินคดีแก่โจทก์ ศาลจังหวัดนางรองพิพากษาว่าโจทก์มีความผิดฐานยักยอกทรัพย์ จำคุก ๒ ปี และให้โจทก์คืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่จำเลยเป็นเงิน ๑,๑๐๐,๖๒๐ บาท ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิพากษายืนคดีถึงที่สุดแล้ว จำเลยจึงไม่ต้องชำระเงินตามฟ้องให้แก่โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานภาค ๓ พิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๓๕,๗๔๙.๕๗ บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๒๔,๒๓๗ บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ( ฟ้องวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๒ ) คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ศาลแรงงานภาค ๓ ฟังข้อเท็จจริงว่า หลังจากโจทก์ออกจากงาน จำเลยกล่าวหาว่าโจทก์ทุจริตต่อหน้าที่ยักยอกทรัพย์ของจำเลยและศาลอุทธรณ์ภาค ๓ มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าโจทก์ยักยอกทรัพย์ของจำเลยให้โจทก์คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนแก่จำเลย ๑,๑๐๐,๖๒๐ บาท การกระทำของโจทก์ถือเป็นการทุจริตต่อหน้าที่และทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย โจทก์มีสิทธิได้รับเงินสะสมส่วนของตนพร้อมดอกเบี้ย แต่ไม่มีสิทธิได้รับเงินสมทบในส่วนจำเลยพร้อมดอกเบี้ยตามหนังสือคู่มือพนักงาน ข้อ ๕ หน้า ๒๕ และจำเลยมีสิทธินำเงินสะสมส่วนของโจทก์พร้อมดอกเบี้ยมาชำระค่าเสียหาย ส่วนเงินโบนัสและเงินช่วยเหลือพนักงานนั้นไม่มีข้อบังคับหรือข้อตกลงให้จำเลยนำมาหักชำระค่าเสียหายได้ มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า จำเลยมีสิทธินำเงินโบนัสดำเนินการขายและเงินช่วยเหลือพนักงานที่โจทก์มีสิทธิจะได้รับจากจำเลยมาหักกลบลบหนี้ออกจากค่าเสียหายที่โจทก์จะต้องชดใช้ให้แก่จำเลยหรือไม่ เห็นว่า โจทก์และจำเลยต่างมีความผูกพันซึ่งกันและกันโดยมูลหนี้อันมีวัตถุเป็นอย่างเดียวกันและหนี้ของโจทก์และจำเลยถึงกำหนดชำระแล้ว จำเลยจึงมีสิทธิที่จะนำเงินดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยตามคำพิพากษาศาลแรงงานภาค ๓ ที่โจทก์จะได้รับจากจำเลยมาหักกลบลบหนี้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๔๑ แม้จะไม่มีข้อบังคับหรือข้อตกลงให้จำเลยนำมาหักได้ก็ตาม ดังนั้น จึงไม่เงินเหลือที่จำเลยจะต้องชำระให้แก่โจทก์อีกอุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยไม่ต้องจ่ายเงินโบนัสและเงินช่วยเหลือพนักงานพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
เรียบเรียงโดย บริษัท กฎหมายปาระมี จำกัด