คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๐๕๐๗/๕๗
เล่นการพนันฉลากกินรวบ เป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน กรณีร้ายแรง
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๔๙ โจทก์เป็นพนักงานของจำเลยตำแหน่งพนักงานรักษาความสะอาด ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ ๗,๔๑๔ บาท ตกลงจ่ายค่าจ้างทุกวันสิ้นเดือน ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๒ จำเลยมีคำสั่งเลิกจ้างโจทก์โดยกล่าวหาว่าโจทก์ทำผิดข้อบังคับเกี่ยวกับการทำ งาน โดยจัดให้มีและชักชวนให้ผู้อื่นซึ่งเป็นพนักงานจำเลยเล่นการพนันสลากกินรวบ ซึ่งไม่เป็นความจริง โจทก์ไม่ได้กระทำความผิด จำเลยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า ทั้งได้เลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรม ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ๖๐ วันเป็นเงิน ๑๔,๘๒๘ บาท ค่าชดเชย ๙๐ วัน เป็นเงิน ๒๒.๒๔๒ บาท และค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ๓๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินแต่ละยอดนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์เนื่องจากโจทก์กระทำผิดระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยเรื่องห้ามเล่นการพนันทุกชนิด โจทก์รับซื้อขายสลากกินรวบในบริษัทจำเลยในเวลาทำงานของจำเลย ซึ่งเป็นการกระทำความผิดอาญาและสร้างความเดือดร้อนให้เพื่อนร่วมงาน การกระทำของโจทก์เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ จงใจทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานหรือระเบียบหรือคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรมเป็นกรณีร้ายแรง จำเลยเลิกจ้างโจทก์ชอบแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นเงิน ๑๐,๓๙๗.๖๐ บาท และค่าชดเชยเป็นเงิน ๒๒.๒๔๒ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี จากต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๒) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ (ที่ถูก คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก)
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นพนักงานของจำเลยตำแหน่งพนักงานรักษาความสะอาด ตั้งแต่วันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๔๙ ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ ๗,๔๑๔ บาท ตกลงจ่ายค่าจ้างทุกวันสิ้นเดือน เมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๒ จำ เลยทราบว่าโจทก์รับซื้อขายสลากกินรวบ โจทก์ให้การรับสารภาพในการสอบสวนทางวินัย โดยโจทก์เคยรับซื้อขายสลากกินรวบจริง แต่ได้เลิกกระทำการแล้วตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๒ จำเลยจึงมีคำสั่งลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ให้เลิกจ้างโจทก์โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๒ โดยอ้างว่าโจทก์จัดให้มีและชักชวนพนักงานของจำเลยเล่นการพนันเป็นการเจตนาฝ่าฝืนระเบียบของจำเลย อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อชื่อเสียงและธุรกิจของจำเลย แล้ววินิจฉัยว่า โจทก์ขายสลากสินรวบครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๒ หลังจากนั้นโจทก์ไม่ได้ขายอีกเนื่องจากทราบว่าเป็นการทำผิดวินัยของจำเลยอย่างร้ายแรง เมื่อโจทก์กลับตนเป็นคนดีและเลิกกระทำความผิดวินัยของจำเลยแล้ว จำเลยจะอ้างเหตุก่อนเลิกจ้างดังกล่าวมาเลิกจ้างโจทก์ย่อมไม่ได้ถือว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยโจทก์ไม่ได้กระทำความผิดและไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า
คดีมีปัญหาตามอุทธรณ์ของจำเลยว่าจำเลยจะต้องรับผิดชดใช้ค่าชดเชยและค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าพร้อมด้วยดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลางหรือไม่ โดยจำ เลยอุทธรณ์ว่า การที่โจทก์ซื้อขายสลากกินรวบถือได้ว่าเป็นการทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง จำเลยจึงสามารถเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ เห็นว่า มูลเหตุแห่งคดีนี้สืบเนื่องมาจากพนักงานของจำเลยเข้าร่วมเล่นสลากกินรวบ จากการสอบสวนวินัยผู้อื่นก็มีการพาดพิงถึงว่าโจทก์ก็เคยเป็นผู้รับซื้อขายสลากกินรวบ เมื่อดำเนินการสอบสวนทางวินัยแก่โจทก์ โจทก์ยอมรับสารภาพแต่แจ้งว่าได้หยุดกระทำการแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๒ ซึ่งไม่ปรากฏว่าในช่วงระยะเวลาก่อนที่โจทก์จะหยุดซื้อขายสลากกินรวบนั้น การกระทำของโจทก์ได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยมากน้อยเพียงใด แต่การเล่นการพนันสลากกินรวบเป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย ซึ่งโดยสภาพแห่งความผิดแม้โจทก์จะได้หยุดการกระทำแล้วก็ตามก็ยังคงเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยซึ่งเป็นกรณีร้ายแรง การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์จึงชอบด้วยกฎหมาย จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าชดเชยแก่โจทก์ ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาในปัญหานี้มานั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยฟังขึ้น ส่วนอุทธรณ์ข้ออื่นของจำเลยไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าชดเชยพร้อมด้วยดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง.
เรียบเรียงโดย บริษัท กฎหมายปาระมี จำกัด