ภูมิปัญญาการใช้หอยปรุงยา....รักษาโรค
โบราณเรานิยมใช้เปลือกหอยทำยา ในโรคที่เรื้อรังเช่นยารักษาโรคตับก็มีเปลือกหอยเป็นส่วนประกอบ ตัวอย่างวันนี้ค่ะ
หอยแครง
ใช้เปลือกหอย มีสรรพคุณ
-- แก้พุงโร ก้นปอด ตัวเหลือง รับประทานข้าวไม่ได้
-- แก้ต้อต่างๆ ขับนิ่ว ขับปัสสาวะ
-- บำรุงโลหิต ฟอกเลือด ขับโลหิต
-- บำรุงไขข้อ ช่วยเสริมสร้างกระดูก บำรุงกระดูก
-- แก้มะเร็งในมดลูก
-- แก้อาการเจ็บทางซีกขวาของชายโครง โรคตับ
-- ริดสีดวงทวาร แก้โรคลำไส้
-- กระษัยลิ้นกระบือ กระษัยท้องมาร
-- กระษัยปวดเมื่อยตามร่างกาย ไตพิการ
-- ลดไขมันหน้าท้อง ขับเมือกมันในลำไส้
-- แก้ผดผื่น ไฟลามทุ่งขยุ้มตีนหมา เริม
-- แก้ปัสสาวะกะปริบกะปรอย
-- ปัสสาวะปวดแสบลำกล้องหรือช่องคลอด ขัดเบา กามโรค
-- แก้อัมพฤกษ์ปากเบี้ยว อัมพาต ลมชัก
-- ร้อนในกระหายน้ำ แก้ไข้ ดับพิษร้อนถอนพิษไข้
-- ไข้หมากไม้ ไข้ออกตุ่ม
--รักษาแผลที่เกิดจากอีสุกอีใสหรือไข้ออกตุ่ม แก้ปวดศีรษะ
-- แก้ใจสั่น ตาลาย ชาตามมือตามเท้า
-- รักษาอาการอยู่ไฟไม่ได้
-- ยับยั้งเอดส์
-- แก้ในกองลม
หอยแครงนอกจากเนื้อกินเป็นอาหารที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกายแล้วในตำรายาไทยเปลือกหอยแครง จัดอยู่ในจำนวนเปลือกหอย 9 ชนิดที่ใช้ในการปรุงยา คือ เปลือกหอยกาบ เปลือกหอยขม เปลือกหอยแครง เปลือกหอยนางรม เปลือกหอยพิมพการัง เปลือกหอยตาวัว เปลือกหอยจุ๊บแจง เปลือกหอยมุก และเปลือกหอยสังข์หนาม สรรพคุณ หอยทั้งเก้า เมื่อเอามาเผาไฟให้สุกดี จะได้ “ปูนหอย” ใช้เป็นยาแก้กรดในกระเพาะอาหาร ขับลมในลำไส้ แก้จุกเสียดแน่นท้อง ทำให้มีลมผายและลมเรอ ล้างลำไส้ แก้กระษัย ขับนิ่ว ขับปัสสาวะ แก้ไตพิการบำรุงกระดูก
ยุคโบราณมีการใช้เปลือกหอยแครง ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ ในตำรับยาแพทย์แผนไทย ในการรักษาอาการปวดท้องน้อย ขับพยาธิ ขับลม ฝาดสมาน รักษา “กระษัยจุก” โดยการนำเปลือกหอยมาใส่ในหม้อดินแล้วตั้งไฟ จนเปลือกหอยสุกเป็นสีขาว เผาจนเป็นผง หรือนำมาตำให้ละเอียด แล้วร่อนเอาผงที่ละเอียดมาปรุงเป็นยา ในองค์ประกอบทางเคมีเปลือกหอยที่เผาแล้วจะเกิดเป็น แคลเซียมออกไซด์.
ที่มา: www.dailynews.co.th
เป็นยังไงกันบ้างกับภูมิปัญญาไทย แต่ใช้เดี่ยวๆไม่ได้ค่ะ ต้องเข้าสมุนไพรตัวอื่นๆอีกที่ โดย ทางแพทย์สายพุทธ