คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๘๖๔๑ - ๑๘๖๕๘/๕๗
โจทก์ทั้งสิบเก้าฟ้องในทำนองเดียวกันและโจทก์ที่ ๑ แก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยตกลงว่าจ้างโจทก์ทั้งสิบเก้าเข้าทำงานเป็นลูกจ้าง ต่อมาจำเลยอนุมัติให้โจทก์ทั้งสิบเก้าเกษียณอายุก่อนอายุครบเกษียณ โดยแนวปฏิบัติข้อ ๒.๒.๒ ของข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างประจำปี ๒๕๓๓ และประกาศ เรื่องการปรับปรุงระเบียบการเกษียณอายุของพนักงานการคำนวณเงินบำเหน็จ และการสมัครใจเกษียณอายุก่อนอายุครบเกษียณ ลงวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ ระบุว่า ผู้ที่ได้รับการอนุมัติให้สมัครใจเกษียณอายุ จะได้รับเงินรางวัลพิเศษเป็นเงิน ๖ เท่าของเงินเดือนสุดท้าย จำเลยจ่ายเงินรางวัลพิเศษตามประกาศดังกล่าวให้แก่โจทก์ทั้งสิบเก้าครบถ้วนแล้ว นอกจากนี้ตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างเรื่องเงินบำเหน็จกำหนดว่า จำเลยจะจ่ายเงินบำเหน็จให้แก่พนักงานที่เกษียณอายุหรือได้รับอนุมัติให้เกษียณอายุก่อนอายุครบเกษียณ ต่อมามีการยื่นข้อเรียกร้องเพื่อขอเปลี่ยนแปลงระเบียบเรื่องเงินบำเหน็จโดยขอให้พนักงานมีสิทธิถอนเงินบำเหน็จก่อน จึงได้มีการเจรจากันระหว่างตัวแทนของจำเลยกับสหภาพแรงงานเทยินโพลีเอสเตอร์ ผลการเจรจาได้ข้อสรุปว่าให้พนักงานมีสิทธิถอนเงินบำเหน็จได้ก่อนโดยมีเงื่อนไขปรากฏตามข้อสรุปผลการปรึกษาหารือร่วมของคณะกรรมการปรึกษาหารือร่วม (JWC) เรื่อง การขอถอนเงินบำเหน็จก่อน ต่อมาจำเลยได้จัดทำเป็นประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์ในการถอนเงินบำเหน็จก่อน โจทก์ทั้งสิบเก้าใช้สิทธิขอถอนเงินบำเหน็จก่อนตามประกาศดังกล่าว เมื่อโจทก์ทั้งสิบเก้าได้รับอนุมัติให้เกษียณอายุก่อนอายุครบเกษียณจำเลยต้องจ่ายเงินบำเหน็จให้แก่โจทก์ทั้งสิบเก้าเท่ากับ ๒.๕x ฐานเงินเดือนสุดท้าย + ๖ เดือน แต่จำเลยจ่ายเงินบำเหน็จให้แก่โจทก์ทั้งสิบเก้าไม่ครบถ้วน จำเลยไม่ยอมจ่ายเงินบำเหน็จอีก ๖ เดือน ให้แก่โจทก์ทั้งสิบเก้า การที่จำเลยอนุมัติให้โจทก์ทั้งสิบเก้าเกษียณอายุเป็นการเลิกจ้าง จำเลยจึงต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์ทั้งสิบเก้าตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างประจำปี ๒๕๒๕ ข้อ ๖ โจทก์ทั้งสิบเก้าทำงานกับจำเลยติดต่อกันมาครบ ๑๐ ปี ขึ้นไป มีสิทธิได้รับค่าชดเชยไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย ๓๐๐ วัน ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๑๑๘ โจทก์ทั้งสิบเก้าทวงถามแล้วแต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์ทั้งสิบเก้าตามจำนวนในคำขอท้ายฟ้องของโจทก์แต่ละคนพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี และจ่ายเงินบำเหน็จให้แก่โจทก์ทั้งสิบเก้าตามจำนวนในคำขอท้ายฟ้องของโจทก์แต่ละคนพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันที่โจทก์แต่ละคนเกษียณอายุหรือเลิกจ้างเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสิบเก้าสำนวนให้การว่า โจทก์ทั้งหมดมีข้อมูลเกี่ยวกับค่าจ้าง เงินเดือน วันเริ่มงาน วันพ้นสภาพการเป็นพนักงาน อัตราเงินเดือนสุดท้าย เงินบำเหน็จได้รับเมื่อพ้นสภาพพนักงาน เป็นไปตามตารางแนบท้ายคำให้การจำเลยหมายเลข ๑ ที่โจทก์ทั้งสิบเก้าฟ้องว่าจำเลยยังไม่ได้จ่ายเงิน + ๖ เดือน ตามประกาศบริษัท เรื่อง หลักเกณฑ์ในการถอนเงินบำเหน็จก่อนปี ๒๕๓๗ ข้อ ๓.๓.๓ นั้น ไม่ถูกต้อง เพราะเงิน + ๖ เดือน ตามประกาศดังกล่าวเป็นเงินตัวเดียวกับเงินบำเหน็จตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพจ้างประจำปี ๒๕๓๓ ข้อ ๒.๒.๒ ซึ่งโจทก์แต่ละคนได้รับไปจากจำเลยครบถ้วนแล้ว จำเลยจึงไม่ต้องจ่ายเงินดังกล่าวให้แก่โจทก์อีก ส่วนที่โจทก์ทั้งสิบเก้าฟ้องเรียกค่าชดเชยนั้น โจทก์ทั้งสิบเก้าไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชยเพราะการที่โจทก์ทั้งสิบเก้าลาออกตามระเบียบการขอเกษียณอายุก่อนกำหนดไม่ถือเป็นการเลิกจ้าง แต่เป็นการสมัครใจลาออกด้วยการเกษียณอายุของโจทก์ทั้งสิบเก้า ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างการพิจารณาของศาลแรงงานกลาง โจทก์ที่ ๑๘ ขอถอนฟ้องศาลแรงงานกลางอนุญาต เหลือโจทก์รวม ๑๘ คน
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้วฟังข้อเท็จจริง ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการประจำปี ๒๕๒๕ ข้อ ๒.๗.๒ กำหนดให้ใช้ระเบียบการเกษียณอายุของพนักงาน ซึ่งระเบียบดังกล่าว ข้อ ๔ กำหนดว่า บริษัท (จำเลย) จะจ่ายเงินบำเหน็จสำหรับพนักงานที่สมัครใจลาออกก่อนอายุครบเกษียณตามสูตรต่อไปนี้ เงินบำเหน็จ เท่ากับ เงินเดือนสุดท้าย คูณ ตัวคูณโดยตัวคูณต่ำสุดของอายุงาน ๓ ปี คือ ๐.๕ และตัวคูณสูงสุดของอายุงาน ๒๕ ปี คือ ๑๕ ข้อ ๕ กำหนดว่า สำหรับพนักงานที่มีอายุครบเกษียณหรือพนักงานที่สมัครใจเกษียณอายุก่อนอายุครบเกษียณที่มีอายุตั้งแต่ ๔๐ ปี ขึ้นไป และมีอายุงานตั้งแต่ ๑๕ ปี ขึ้นไป บริษัทฯจะเพิ่มจำนวนเงินบำเหน็จให้อีกคนละ ๒๐ เปอร์เซ็นต์ และข้อ ๖ กำหนดว่า บริษัทฯจะจ่ายค่าชดเชยการเกษียณอายุให้ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานหมวด ๕ ข้อ ๔๖ และถ้าหากมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องกับค่าชดเชยการเกษียณอายุ แนวทางปฏิบัติของบริษัทฯจะเปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกับกฎหมายนั้นด้วย ต่อมาปี ๒๕๒๖ จำเลยกับสหภาพแรงงานเทยินโพลีเอสเตอร์ทำข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างโดยข้อ ๒.๓.๑ กำหนดตัวคูณเงินบำเหน็จใหม่ จากเดิมอายุงานต่ำสุด ๓ ปี ใช้ตัวคูณ ๐.๕ เป็นตัวคูณ ๒.๔ และจากอายุงานสูงสุด ๒๕ ปี ใช้ตัวคูณ ๑๕ เป็นตัวคูณ ๑๘ และข้อ ๒.๓.๒ กำหนดว่าบริษัทจะจ่ายเงินบำเหน็จให้อีกคนละ ๒๕ เปอร์เซ็นต์ ในกรณีพนักงานเกษียณอายุ พนักงานเสียชีวิต และพนักงานลาออกโดยมีอายุครบ ๓๕ ปี ขึ้นไป และมีอายุงานครบ ๑๒ ปี ขึ้นไป ปี ๒๕๒๗ จำเลยกับสหภาพแรงงานเทยินโพลีเอสเตอร์ทำข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างโดยข้อ ๒.๔ กำหนดว่าพนักงานที่มีอายุตั้งแต่ ๔๐ ปี ขึ้นไป และอายุงาน ๑๗ ปี ขึ้นไป บริษัทฯเปิดโอกาสให้สมัครใจเกษียณอายุได้ปีละครั้งระหว่างวันที่ ๑๕ พฤศจิกายนถึงวันที่ ๑๕ ธันวาคม ทั้งนี้ การพิจารณาอนุมัติให้อยู่ในดุลพินิจของบริษัทฯเป็นรายบุคคลไป ผู้ที่ได้รับอนุมัติให้สมัครใจเกษียณอายุนี้จะได้รับเงินรางวัลพิเศษเป็นเงิน ๖ เท่าของเงินเดือนสุดท้าย นอกเหนือจากนี้ให้เป็นไปตามระเบียบเกษียณอายุ ต่อมาปี ๒๕๓๓ จำเลยกับสหภาพแรงงานเทยินโพลีเอสเตอร์ทำข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างเพิ่มเติมโดยข้อ ๒.๒.๒ กำหนดว่าหากพนักงานมีอายุงานครบ ๑๗ ปีขึ้นไป แต่อายุตัวไม่ครบ ๔๐ ปี และเป็นผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพ หรือมีปัญหาไม่ก้าวหน้าในการทำงาน ให้มีสิทธิได้รับเงินรางวัลพิเศษหากสมัครใจเกษียณอายุก่อนครบกำหนดปี ๒๕๓๔ จำเลยออกแนวปฏิบัติตามข้อ ๒.๒.๒ ของข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างประจำปี ๒๕๓๓ ต่อมาปี ๒๕๓๖ สหภาพแรงงานเทยินโพลีเอสเตอร์ยื่นข้อเรียกร้องขอให้เพิ่มตัวคูณเงินบำเหน็จและขอให้พนักงานมีสิทธิถอนเงินบำเหน็จก่อนลาออกหรือเกษียณอายุได้ จำเลยและสหภาพแรงงานเทยินโพลีเอสเตอร์จึงร่วมกันตั้งคณะกรรมการร่วมพิจารณาข้อเรียกร้องดังกล่าวซึ่งได้ข้อสรุปตามเอกสารหมาย จ.๔ และจำเลยประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์ในการถอนเงินบำเหน็จก่อนตามเอกสารหมาย จ.๕ โดยข้อ ๔.๓.๑ กำหนดว่าจำนวนเงินบำเหน็จที่ขอถอนออกก่อนคิดจาก จำนวนตัวคูณเงินบำเหน็จขณะที่ขอถอนเงินบำเหน็จออกไป คูณ ฐานเงินเดือน ณ วันจ่ายเงินบำเหน็จที่ขอถอนออกก่อน และข้อ ๔.๓.๓ กำหนดว่าจำนวนเงินบำเหน็จรับเมื่อขอเกษียณอายุก่อนในกรณีอายุตัว ๔๐ ปี ขึ้นไป อายุงาน ๑๗ ปี ขึ้นไป คิดจาก (จำนวนตัวคูณบำเหน็จเมื่อขอเกษียณ - จำนวนตัวคูณบำเหน็จในข้อ ๔.๓.๑) x ฐานเงินเดือนสุดท้าย] + ๖ เดือน หากได้รับอนุมัติการลาออกตามระเบียบการขอเกษียณอายุก่อนโจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๑๗ และที่ ๑๙ ใช้สิทธิขอถอนเงินบำเหน็จก่อน ต่อมาระหว่างปี ๒๕๔๖ ถึงปี ๒๕๕๔ โจทก์ดังกล่าวขอเกษียณอายุก่อนครบเกษียณโดยมีอายุตัว ๔๐ ปี ขึ้นไป และอายุงาน ๑๗ ปี ขึ้นไป จำเลยอนุมัติ แล้วินิจฉัยว่า ประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์ในการถอนเงินบำเหน็จก่อนตามเอกสารหมาย จ.๕ ข้อ ๔.๓.๓ ข้อความว่า " ... + ๖ เดือน หากได้รับอนุมัติการลาออกตามระเบียบการขอเกษียณอายุก่อน" เป็นการเขียนลักษณะเดียวกับข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างประจำปี ๒๕๒๗ ข้อ ๒.๔ ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างประจำปี ๒๕๓๓ ข้อ ๒.๒.๒ และแนวปฏิบัติตามข้อ ๒.๒.๒ ของข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างประจำปี ๒๕๓๓ ซึ่งเป็นเรื่องการขอเกษียณอายุก่อนอายุครบเกษียณ กล่าวคือพนักงานที่ขอเกษียณอายุก่อนอายุครบเกษียณโดยจำเลยอนุมัติจะได้รับเงินรางวัลพิเศษเป็นเงิน ๖ เท่าของเงินเดือนสุดท้าย ต่อมาปี ๒๕๓๖ สหภาพแรงงานเทยินโพลีเอสเตอร์ยื่นข้อเรียกร้องให้ปรับปรุงเฉพาะในส่วนตัวคูณเงินบำเหน็จและให้พนักงานมีสิทธิถอนเงินบำเหน็จไปใช้ก่อนเกษียณอายุเท่านั้น ไม่ได้ยื่นข้อเรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงสูตรการคำนวณเงินบำเหน็จ จึงไม่มีเหตุให้คณะกรรมการปรึกษาหารือร่วมหรือจำเลยต้องพิจารณาเพิ่มเงินบำเหน็จให้อีก ๖ เท่าของเงินเดือนสุดท้าย (เงิน + ๖ เดือน) ดังนี้เงื่อนไขอื่นให้เป็นไปตามระเบียบและข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างเดิมทุกประการ คือสูตรในการคำนวณเงินบำเหน็จใช้หลักการเดิมข้อ ๔ ตามระเบียบการเกษียณอายุของพนักงานที่ออกตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างประจำปี ๒๕๒๕ ซึ่งสูตรการคำนวณเงินบำเหน็จคิดจาก เงินเดือนสุดท้าย คูณ ตัวคูณ กรณีพนักงานถอนเงินบำเหน็จก่อนแล้วบางส่วน เงินบำเหน็จที่เหลือขณะขอเกษียณเท่ากับ เงินเดือนสุดท้าย คูณ ตัวคูณเงินบำเหน็จส่วนที่เหลือ (ตัวคูณขณะขอเกษียณ ตัวคูณขณะขอถอนเงินบำเหน็จก่อน) โดยสหภาพแรงงานเทยินโพลีเอสเตอร์ทราบว่าหลักเกณฑ์การคำนวณเงินบำเหน็จส่วนที่เหลือที่ใช้บังคับในปัจจุบันคิดจาก เงินเดือนสุดท้าย คูณ ตัวคูณเงินบำเหน็จส่วนที่เหลือ เท่านั้น และจำเลยจัดทำประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์ในการถอนเงินบำเหน็จก่อนเอกสารหมาย จ.๕ ตามผลการปรึกษาหารือร่วมของคณะกรรมการปรึกษาหารือร่วมที่แต่งตั้งขึ้นตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างประจำปี ๒๕๓๖ ข้อ ๓ โจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๑๗ และที่ ๑๙ ทราบหลักเกณฑ์และใช้สิทธิถอนเงินบำเหน็จไปใช้ก่อน จึงฟังได้ว่า ข้อความ "เงิน + ๖ เดือน หากได้รับอนุมัติตามระเบียบการเกษียณอายุก่อนตามที่ระบุไว้ในประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์ในการถอนเงินบำเหน็จก่อนตามเอกสารหมาย จ.๕ ข้อ ๔.๓.๓ หมายถึงเงินรางวัลพิเศษ ๖ เท่าของเงินเดือนสุดท้ายตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างประจำปี ๒๕๒๗ ข้อ ๒.๔ ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างประจำปี ๒๕๓๓ ข้อ ๒.๒.๒ และแนวปฏิบัติตามข้อ ๒.๒.๒ ของข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างประจำปี ๒๕๓๓ เมื่อโจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๑๗ และที่ ๑๙ ขอเกษียณอายุก่อนอายุครบเกษียณโดยจำเลยอนุมัติและได้รับเงินรางวัลพิเศษเป็นเงิน ๖ เท่าของเงินเดือนสุดท้ายครบแล้ว จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จอีก ๖ เดือนตามฟ้อง หลังจากที่จำเลยอนุมัติให้โจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๑๗ และที่ ๑๙ เกษียณอายุก่อนอายุครบเกษียณตามที่แสดงความจำนง โจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๑๗ และที่ ๑๙ ก็ได้ยื่นใบลาออกต่อจำเลย การแสดงความจำนงขอเกษียณอายุก่อนอายุครบเกษียณเป็นความสมัครใจของโจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๑๗ และที่ ๑๙ การที่จำเลยอนุมัติเป็นการอนุมัติให้เกษียณอายุครบเกษียณและให้ลาออกตามที่ขอจึงเป็นกรณีลาออกเอง มิใช่เลิกจ้าง และการที่โจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๑๗ และที่ ๑๙ ใช้สิทธิขอเกษียณอายุก่อนอายุครบเกษียณ ไม่ใช่การเกษียณอายุที่จะมีสิทธิได้รับค่าชดเชยตามระเบียบการเกษียณอายุของพนักงานและพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๑๑๘ จำเลยไม่ต้องรับผิดจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๑๗ และที่ ๑๙ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๑๗ และที่ ๑๙ อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ที่โจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๑๗ และที่ ๑๙ อุทธรณ์สรุปได้ว่า ปี ๒๕๓๖ สหภาพแรงงานเทยินโพลีเอสเตอร์ยื่นข้อเรียกร้องขอให้พนักงานมีสิทธิถอนเงินบำเหน็จก่อนลาออกหรือก่อนเกษียณอายุ จำเลยกับสหภาพแรงงานเทยินโพลีเอสเตอร์ตั้งตัวแทนพิจารณาร่วมกันได้ข้อสรุปผลการปรึกษาหารือร่วมตามเอกสารหมาย จ.๔ ข้อ ๖ ว่า หลังจากถอนเงินบำเหน็จออกไปแล้ว การได้รับเงินบำเหน็จส่วนที่เหลือให้เป็นไปดังนี้ กรณีขอเกษียณอายุก่อน พนักงานที่มีอายุตัว ๔๐ ปี ขึ้นไป และอายุงาน ๑๗ ปี ขึ้นไป การได้รับเงินบำเหน็จส่วนที่เหลือเท่ากับ ((ตัวคูณเมื่อขอเกษียณ - ตัวคูณตามข้อ ๕) x ฐานเงินเดือนสุดท้าย)) + ๖ เดือน หากได้รับอนุมัติ แสดงให้เห็นว่าเกี่ยวกับเงินบำเหน็จที่พนักงานมีสิทธิได้รับอยู่ตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างเดิมนั้น ได้ถูกปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้เป็นไปตามข้อสรุปผลการปรึกษาหารือร่วมเอกสารหมาย จ.๔ แล้ว ประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์ในการถอนเงินบำเหน็จก่อนตามเอกสารหมาย จ.๕ เป็นประกาศที่จำเลยจัดทำขึ้นฝ่ายเดียว การที่ศาลแรงงานกลางนำประกาศดังกล่าวมาวินิจฉัยจึงไม่ถูกต้อง จากข้อเท็จจริงพยานหลักฐานที่โจทก์และจำเลยนำสืบต่อศาลกับพยานเอกสารที่ปรากฏในสำนวนรับฟังได้ว่า เงิน + ๖ คือเงินบำเหน็จที่จำเลยจะต้องจ่ายแก่โจทก์ทั้งหมด จำเลยมีเพียงพยานบุคคลมาเบิกความหักล้างพยานเอกสารโดยไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะสนับสนุนข้อกล่าวอ้างของจำเลยได้นั้น เห็นว่า เป็นการอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางที่รับฟังข้อเท็จจริงมายุติว่า จำเลยจัดทำประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์ในการถอนเงินบำเหน็จก่อน เอกสารหมาย จ.๕ ตามผลการปรึกษาหารือร่วมของคณะกรรมการปรึกษาหารือร่วมที่แต่งตั้งขึ้นตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างประจำปี ๒๕๓๖ ข้อ ๓ ซึ่งสหภาพแรงงานไม่ได้ยื่นข้อเรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงสูตรการคำนวณเงินบำเหน็จจึงไม่มีเหตุให้คณะกรรมการปรึกษาหารือร่วมพิจารณาเพิ่มเงินบำเหน็จให้อีก ๖ เท่าของเงินเดือนสุดท้าย สูตรการคำนวณเงินบำเหน็จคงใช้หลักการเดิม คือข้อ ๔ ของระเบียบการเกษียณอายุของพนักงานที่ออกตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างประจำปี ๒๕๒๕ ดังนี้ เงิน + ๖ เดือน หากได้รับอนุมัติตามระเบียบการเกษียณอายุก่อนตามที่ระบุไว้ในประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์ในการถอนเงินบำเหน็จก่อนเอกสารหมาย จ.๕ ข้อ ๔.๓.๓ หมายถึง เงินรางวัลพิเศษ ๖ เท่าของเงินเดือนสุดท้ายตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างประจำปี ๒๕๒๗ ข้อ ๒.๔ ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างประจำปี ๒๕๓๓ ข้อ ๒.๒.๒ และแนวปฏิบัติตามข้อ ๒.๒.๒ ของข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างประจำปี ๒๕๓๓ เมื่อโจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๑๗ และที่ ๑๙ ขอเกษียณอายุก่อนอายุครบเกษียณโดยจำเลยอนุมัติและได้รับเงินรางวัลพิเศษเป็นเงิน ๖ เท่าของเงินเดือนสุดท้ายครบแล้ว จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จเท่ากับเงินเดือนอีก ๖ เดือนสุดท้าย ดังนั้นที่โจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๑๗ และที่ ๑๙ อุทธรณ์มานั้น จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๕๔ วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๑๗ และที่ ๑๙ ว่าโจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๑๗ และที่ ๑๙ มีสิทธิได้รับค่าชดเชยตามระเบียบการเกษียณอายุของพนักงานหรือไม่ โดยโจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๑๗ และที่ ๑๙ อุทธรณ์สรุปว่าได้ขอเกษียณอายุก่อนอายุครบเกษียณจึงมีสิทธิได้รับชดเชยตามระเบียบการเกษียณอายุของพนักงานซึ่งออกตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างประจำปี ๒๕๒๕ นั้น เห็นว่า จำเลยมีประกาศ เรื่อง การแจ้งความจำนงเกษียณอายุก่อนอายุครบเกษียณ กำหนดว่า "พนักงานที่มีอายุงานครบ ๑๗ ปี ขึ้นไปและมีอายุตัวครบ ๔๐ ปี ขึ้นไป บริษัทฯ (จำเลย) เปิดโอกาสให้สมัครใจเกษียณอายุได้... ทั้งนี้การพิจารณาอนุมัติให้อยู่ในดุลพินิจของบริษัทฯ เป็นรายบุคคลไป" และระเบียบการเกษียณอายุของพนักงานตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างประจำปี ๒๕๒๕ ข้อ ๖ กำหนดว่า "บริษัทฯจะจ่ายค่าชดเชยการเกษียณอายุให้ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานหมวด ๕ ข้อ ๔๖ และถ้าหากมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องกับค่าชดเชยการเกษียณอายุ แนวทางปฏิบัติของบริษัทฯ จะเปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกับกฎหมายนั้นด้วย" เมื่อโจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๑๗ และที่ ๑๙ ยื่นความจำนงขอเกษียณอายุก่อนอายุครบเกษียณด้วยความสมัครใจและจำเลยอนุมัติจึงเป็นกรณีที่โจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๑๗ และที่ ๑๙ กับจำเลยต่างสมัครใจเลิกสัญญาจ้างแรงงานต่อกัน มิใช่การเลิกจ้างหรือการเกษียณอายุ ดังนั้นโจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๑๗ และที่ ๑๙ จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชยตามระเบียบการเกษียณอายุของพนักงานดังกล่าว ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๑๗ และที่ ๑๙ ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.
เรียบเรียงโดย บริษัท กฎหมายปาระมี จำกัด