หลอดเลือดหัวใจ หลอดเลือดสมอง
ความในใจ ของแพทย์ผ่าตัดโรคหัวใจ เกี่ยวกับสาเหตุโรคของหลอดเลือด ทั้งหลอดเลือดหัวใจ หลอดเลือดในเนื้อสมอง และเรื่องของน้ำมันพืชผ่านกรรมวิธี
ประสบการณ์ 25 ปี ในการผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจ มากกว่า 5,000 คน มีความประสงค์ที่แก้ไข ความเข้าใจผิดๆ เรื่องการแพทย์ และการใช้ยา วงการแพทย์ แม้ว่าจะได้ทำการรักษาการอักเสบในผนังหลอดเลือดแดง (แปลกนะไม่มีหลอดเลือดดำเลย) ที่ค่อยๆ เกิดขึ้นช้าๆ จนกลายเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ
ประชากร ร้อยละ25 ได้กินยาลดไขมันกลุ่มสแตติน และได้ไขมันในอาหารที่กินลงได้ กลับพบว่า คนอเมริกันกลับตายจากโรคนี้ในปีนี้ สูงกว่าปีก่อนๆ (ทั้งๆ ที่ทำตามหมอสั่งอย่างเคร่งครัด)
พูดง่ายๆ ถ้าไม่มีการอักเสบภายในผนังหลอดเลือดแดง (สงสัย ทำไมไม่มีหลอดเลือดดำบ้าง) จะไม่มีทางที่ไขมันคลอเลสเทอโรลจะไปอุดตันในหลอดเลือดที่หัวใจและสมอง ถ้าไม่มีการอักเสบเกิดขึ้น ไขมันคลอเลสเทอรอลจะไหลได้อย่างอิสระ จะไม่มีไปติดผนังภายในได้เลย
การอักเสบไม่ใช่เรื่องซับซ้อน ร่างกายเรามีกลไกป้องกันตนเอง (โดยให้เกิดการอักเสบมีประโยชน์) จากสิ่งภายนอกที่บุกรุก เช่น เชื้อโรคแบคทีเรีย ไวรัส และ สารพิษ การอักเสบจะสิ้นสุดลงเมื่อเชื้อโรคได้ตายลง แต่อาจเกิดจากสารพิษหรืออาหาร ก็จะเกิดอย่างเรื้อรังต่อเนื่อง ไม่รู้จักจบ การอักเสบเรื้อรังนี้ จะอันตรายเท่าๆ กับ การอักเสบแบบเฉียบพลัน
เราถูกแนะนำให้ทานอาหารที่มีไขมันน้อยๆ และใช้ไขมันชนิดไม่อิ่มตัวแทนอิ่มตัว รวมทั้งกินแป้ง โดยที่ไม่รู้ว่า เรากำลังทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง ซ้ำๆ ซาก ๆ จนกลายเป็นโรคหลอดเลือดตีบที่หัวใจหรือที่สมอง เป็นเบาหวาน และโรคอ้วน ในที่สุด
อะไรคือต้นเหตุของการอักเสบเรื้อรัง คำตอบง่ายมาก คือ เราทานคาร์โบไฮเดรทที่ผ่านกระบวนการมาก ( น้ำตาล แป้งขาว ผลิตภัณฑ์จากทั้ง 2 อย่างที่กล่าวมา และไขมันพืชที่มี โอเมก้า-6 ใน น้ำมันถั่วเหลือง ข้าวโพด เมล็ดทานตะวัน ซึ่งพบมากในอาหารที่ผ่านกระบวนการอุตสาหกรรม
หากเราสังเกต ผลการเสียดสีซ้ำๆ ของผิวหนังที่อ่อนนิ่มโดยใช้ขนแปรง ผิวจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อๆ และมีเลือดออกซิบๆ หากทำซ้ำๆ บ่อยๆ หลายปี ก็จะเกิดการการติดเชื้อ มีบาดแผลเกิดขึ้นได้
ได้เฝ้าสังเกตเส้นเลือดนับพันๆ เส้นที่ผ่าตัดเปลี่ยน พบว่า ผนังด้านในหลอดเลือด เกิดลักษณะคล้าย ๆ ที่เล่าให้ข้างต้น
ขนมปังที่เย้ายวนด้วยกลิ่น อาหารที่อุดมด้วยน้ำตาลและแป้ง และส่วนผสมของน้ำมันพืช ชนิดโอเมก้า-6 (เพื่อให้อายุเก็บยาวขึ้น) 60 ปี มานี้ เหมือนสารพิษที่ค่อยๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่ิอง
เมื่อเราทานอาหารที่มีน้ำตาลมากๆ (หรือเปลี่ยนเป็นน้ำตาลที่ได้เร็ว) ร่างกายจะควบคุมได้วงจำกัด น้ำตาลที่ล้นจะไปจับกับโปรตีนในเลือดเรา กลายเป็นเหมือนกระดาษทราย ที่เสียดสีภายในหลอดเลือดแดง เมื่อรับไขมันชนิดโอเมก้า-6 มากเกินไปร่างกายจะหลั่งสารไซโตไคน์ ( สารเคมีที่สื่อสารระหว่างเม็ดเลือดขาวและอื่นๆ) จึงเริ่มต้นกระบวนการอักเสบขึ้นปัจจุบัน สัดส่วนไขมันระหว่าง โอเมกา-6 กับ โอเมกา-3 ไม่สมดุล ควรจะเป็น 3:1 (ทำให้สุขภาพแข็งแรง) แต่ปัจจุบันนี้ สัดส่วนอยู่ที่ 15:1 - 30:1 เลยมีสารไซโตไคน์ออกมามากเกินไป
คำตอบที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ คือ กลับไปทานอาหารใกล้เคียงธรรมชาติ (ไม่ผ่านกระบวนการผลิต) กินโปรตีนให้มาก (น่าจะหมายถึงกรดอะมิโน เพราะพืชสดมีเอ็นไซม์ ซึ่งเป็นโปรตีนด้วย) เลือกแป้งเชิงซ้อน และพืชผักสดและผลไม้ที่มีสีสรร งดทานน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด อาหารที่มีน้ำมันพืชเหล่านี้ (โอเมก้า-6)
วิทยาศาสตร์ที่บอกว่า ไขมันอิ่มตัว (กระทิ น้ำมันมะพร้าว หมู) เป็นสาเหตุโรคหัวใจ และเพิ่มไขมันคลอเรสเทอรอลในเลือด เป็นเรื่องไร้สาระ เหลวไหล
ทฤษฎีเรื่องไขมันคลอเลสเทอรอล จนนำไปสู่การงดไขมัน แล้วเปลี่ยนวิถีการกิน จากไขมันอิ่มตัวไปทานไขมันไม่อิ่มตัว (อุดมด้วยไขมัน โอเมก้า-6 กระตุ้นให้เกิดการอักเสบ) จนทำให้การโรคหัวใจ ที่ฆ่าคนตายอย่างเงียบ ๆ (น่าจะช้าๆ ด้วย ฆาตกรแบบเลือดเย็น)
ให้หันกลับไปทานแบบปู่ย่าตายาย แต่ไม่ใช่แบบพ่อแม่เราทาน เลือกพืชและผักสดโดยตรง (อาหารพื้นบ้านๆ ว่างั้นเถอะ) ซึ่งจะอุดมด้วยวิตามิน เกลือแร่ และสารต่างๆ ที่จำเป็น
ที่มา : www.kapook.com