ดิฉันชื่อ..............................................ทำงานที่ บริษัท..........................................สัญชาติญี่ปุ่น เริ่มเข้ามาทำงานที่บริษัทฯ ในตำแหน่ง  BOI Staff (เจ้าหน้าติดต่อประสานงาน BOI) ฝ่าย ADMINISTRATION เมื่อวันที่ 21 เมษายน  2544 และเพิ่มหน้าที่ความรับผิดชอบตามที่ผู้บังคับบัญชามอบหมาย มาช่วยงานฝ่ายบุคคล งานฝ่ายการตลาด และงาน Import-Export

งานในหน้าที่หลักของดิฉัน ติดต่อประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เพื่อขอใช้สิทธิและประโยชน์ด้านภาษีอาการต่างๆ เช่น ขอยกเว้นภาษีอาการขาเข้าสำหรับเครื่องจักร , Spare part , วัตถุดิบ , ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ,ขออนุญาตนำคนต่างด้าวซึ่งเป็นช่างฝีมือหรือผู้ชำนาญการคู่สมรสและบุคคลซึ่งอยู่ในอุปการะของบุคคลทั้งสองประเภทเข้ามาในราชอาณาจักร, ดำเนินการขอ VISA ให้คนต่างด้าว ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง , ดำเนินการขอ WORK PERMIT ให้คนต่างด้าวที่สำนักงานจัดหางาน ,ติดต่อกับบริษัทฯ SHIPPING เรื่องการนำเข้าและส่งออก ,ติดต่อกับบริษัทฯ ลูกค้า เพื่อขอให้โอนสิทธิ์การตัดบัญชีวัตถุดิบ เนื่องจากบริษัทฯ ใช้สิทธิยกเว้นอากรขาเข้าวัตถุดิบจาก BOI

วันที่ 15 ตุลาคม 2555 ได้ถูกย้ายมาทำงานด้านเอกสารในส่วนงาน ฝ่ายผลิต แผนก MFG2 ทำหน้าที่ KEY ข้อมูล OUT PUT สำหรับข้อมูล PRODUCTIVITY ของแผนก MFG2 และจัดเก็บเอกสารต่างๆ โดยการ SCAN เก็บเป็น File รายเดือนไว้ในข้อมูลของแผนก

ดิฉันคิดว่าการโยกย้ายหน้าที่การงานในครั้งนี้ เป็นการกระทำเพื่อบีบให้ดิฉันออกจากงาน ซึ่งการกระทำที่เป็นการบีบและทำให้ดิฉันรู้สึกอึกอัดและกดดันคือ.....เปิดรับสมัครงานตำแหน่ง BOI-Import-Export Staff ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ดิฉันทำอยู่ เมื่อประมาณเดือน โดยที่ดิฉันไม่ทราบ ดิฉันทราบจากเพื่อนโทรมาถามว่าดิฉันลาออกจากงานแล้วหรือเห็นบริษัทฯ เปิดรับสมัครตำแหน่ง BOI-Import-Export Staff ดิฉันก็บอกว่ายังไม่ได้ลาออกก็ยังทำงานเหมือนเดิม หัวหน้าดิฉันไม่เคยบอกกับดิฉันว่าเปิดรับตำแหน่งดิฉันเพื่ออะไร จะมาช่วยหรือมาแทน (ซึ่งดิฉันก็ทำมาคนเดียวตลอดเกือบ 12 ปี) จนประมาณใกล้ๆ สิ้นเดือนมิถุนายนก็ได้คนใหม่เข้ามา และเรียกให้ดิฉันไปสอนงานน้องคนใหม่ โดยที่ยังไม่บอกอะไร ได้แต่ให้สอนงาน ดิฉันก็ถามน้องคนใหม่ว่ามาทำตำแหน่งอะไร น้องก็บอกว่า BOI-Import-Export น้องคนใหม่บอกกับดิฉันว่าหนูคิดว่าคนเก่าลาออกหนูก็เลยมาสมัครทำงานที่นี่ ดิฉันก็บอกว่าเปล่ายังไม่คิดด้วยซ้ำ น้องก็บอกว่าแล้วเขาจะให้พี่ไปทำอะไร ดิฉันก็บอกไม่รู้เหมือนกัน หัวหน้าไม่ได้บอกอะไรเลย น้องบอกว่าบริษัทฯ ขนาดนี้พนักงาน 200 คน ใช้เจ้าหน้าที่ BOI คนเดียวก็พอ ดิฉันก็บอกว่าใช่เพราะทำมาคนเดียวตลอด เขาก็บอกว่าแบบนี้ก็บีบกันน่ะสิ ดิฉันก็บอกก็น่าจะใช่ น้องคนใหม่เข้ามาทำงานได้ประมาณ 3 วัน หัวหน้าก็ยังไม่บอกอะไร ดิฉันรู้สึกอึดอัดมาก อยากรู้ว่าทำไมบริษัทฯ ถึงทำแบบนี้ ดิฉันจึงไปขอคุยกับ MD ทั้งๆ ที่ภาษาก็ไม่ได้ แต่ MD พอเข้าใจภาษาไทย ฟังรู้เรื่องแต่พูดไม่เก่ง ดิฉันถาม MD ว่าคิดอย่างไรกับดิฉัน ทำไมถึงทำแบบนี้ ดิฉันรู้สึกเสียใจ และอึดอัดมาก เป็นการบีบดิฉันให้ออกจากงานหรือเปล่า ดิฉันก็ถาม MD ตรงๆ MD ก็ตอบตามที่พอฟังรู้เรื่องสรุปใจความว่า ดิฉันทำงานไม่ได้ตามเป้าหมายที่บริษัทฯ ต้องการ ดิฉันก็บอกเป้าหมายอะไร บริษัทฯ กำหนดไว้อย่างไรดิฉันไม่เห็นรู้ หัวหน้าก็ไม่ได้บอกว่าเป้าหมายอะไร ไม่มีอะไรมาวัด สุดท้าย MD ก็บอกว่าเดี๋ยวเขาจะเคลียร์ให้ เหมือนกับว่าให้คุยพร้อมกันกับหัวหน้าดิฉัน น้องคนใหม่ทำได้ไม่ถึง 10 วัน เขาก็ลาออกไป เขาบอกว่าเขารับไม่ได้กับการกระทำแบบนี้.....ดิฉันก็ยังไม่ได้คุยกับหัวหน้าตามที่ MD บอกจะเคลียร์ให้ ไม่ถึงเดือนหลังจากน้องคนที่จะมาทำ BOI ลาออกไป ก็มี BOI คนใหม่คนที่ 2 เข้ามา แต่ครั้งนี้ไม่ให้ดิฉันสอนงาน และก็ไม่บอกอะไรดิฉันเหมือนเดิม จนดิฉันทนไม่ไหวก็เลยไปขอคุยกับหัวหน้า ถามเขาว่าคิดอย่างไง จะให้ดิฉันไปทำอะไร การที่หัวหน้าทำแบบนี้ เป็นการบีบให้ดิฉันออกจากงานหรือเปล่า เพราะมันทำให้ดิฉันรู้สึกอึดอัดและกดดันมาก ถ้าต้องการให้ดิฉันออกจากงานก็เลิกจ้างดิฉันก็ได้ ดิฉันไม่มีปัญหาอะไร หัวหน้าก็บอกว่าเขาไม่คิดจะเลิกจ้างดิฉันหรอก ถ้าเลิกจ้างดิฉันก็คงจะลำบาก เขาก็รู้ว่าดิฉันรู้สึกอึดอัดและกดดันเช่นกัน (คำพูดกับการกระทำตรงกันข้ามกันอย่างชัดเจน) ซึ่ง ณ วันนั้น เขาก็บอกว่า ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะให้ดิฉันไปทำอะไร     ตอนแรกว่าจะให้ดิฉันไปช่วยฝ่ายบุคคล แต่ดูแล้วดิฉันคงทำไม่ได้เพราะตอนนี้บริษัทฯ มีปัญหาเรื่องแรงงานสัมพันธ์ ก็อาจจะให้ไปช่วยงานบัญชี  ดิฉันคิดว่า ดิฉันคงจะได้ทำงานอยู่ใน ฝ่าย ADMINISTRATION เหมือนเดิมถึงแม้จะไม่ได้ทำหน้าที่ BOI-Import-Export ก็ไม่พอทำใจได้     แต่สุดท้ายก็ให้ ดิฉันมาทำงานด้านเอกสารในส่วนงาน ฝ่ายผลิต ซึ่งลดความสำคัญลง

***** กรณีของดิฉันอยู่ในข้อกฎหมาย

พ.ร.บ. แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 มาตราที่ 121 หมวด 9 การกระทำอันไม่เป็นธรรม

ห้ามมิให้นายจ้าง

(2) เลิกจ้างหรือ กระทำการใด ๆ อันอาจเป็นผลให้ลูกจ้างไม่สามารถ ทนทำงานอยู่ต่อไปได้เพราะเหตุที่ลูกจ้างนั้นเป็นสมาชิกของสหภาพแรงงาน ……….

หรือไม่อย่างไรคะ *****