รอดพ้นด่านไปได้ยังไง???..
คงจำกันได้เกี่ยวกับรถขนแรงงานชาวลาวเกิดพลิกคว่ำตายและบาดเจ็บกันระนาว ที่ จ.บุรีรัมย์ ข่าวออกมาทำนองว่า ผู้โดยสารทั้ง 23 คน ไม่มี เอกสารใดๆ ติดตัว คนเหล่านี้ข้ามมาจากฝั่ง สปป.ลาว เมืองละคอนเพ็ง แขวงสาละวัน ฝั่งตรงข้าม อ.เขมราฐ อ.นาตาล อุบลราชธานี หลบเข้าเมืองเข้ามาทำงานที่ จ.สมุทรปราการ แบบผิดกฎหมาย พูดง่ายๆ ก็เป็นแรงงานเถื่อนนั่นแล พอมีข่าวเกิดขึ้น จนท.ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องก็ตื่นขึ้นมาขึงขังซะทีนึง พอข่าวเงียบ ทุกอย่างก็เข้าอีหรอบเดิม ทำนอง นอนขดไม่รู้ นอนคู้ไม่เห็น ???..
จะว่าไปแล้ว เส้นทางที่แรงงานต่างด้าวจะเถื่อนหรือไม่เถื่อน นิยมเดินทางเข้ามามากที่สุด คงจะเป็นพื้นที่ทาง จังหวัดอุบลราชธานี ทั้งนี้ คงเป็นเพราะสะดวกหรือปลอดภัย หรือชาวลาวที่อยู่ตรงข้ามจ.อุบลฯ จะนิยมเข้ามาทำงานที่เมืองไทย ก็ไม่ทราบ แต่ที่แน่ๆ มีคนไทยที่ทำธุรกิจค้าแรงงานต่างชาติกันมากมาย บางรายเคยถูกจับ แต่บางรายสบายเพราะไม่มีใครรบกวน ขนคนงานส่งกรุงเทพฯ สมุทรปราการ ชลบุรี ระยอง จนท้องกางกับธุรกิจแรงงาน (เถื่อน) เพราะการขนส่งแต่ละเที่ยวแรงงานชาวลาวจะจ่ายค่ารถหรือค่านำทางหัวละละ 3,500 บาท ผู้โดยสาร 23 คน ก็เป็นเงินเกือบแสนบาท ถ้า ผู้โดยสารได้เต็มคัน 30 คน ก็มากกว่าแสนบาท เป็นรายได้ที่ใครๆ ก็สนใจ
แหล่งข่าวตามชายแดนไทย-ลาว กล่าวว่า การลักลอบขนส่งแรงงานชาวลาวมีมานาน มีขบวนการที่ใหญ่โต เส้นก็โต พากันทำ โดยใช้รถปิกอัพดัดแปลง มีการต่อแบบพิเศษ หรือพวกรถตู้ก็เยอะ โดยรถกระบะจะมีการต่อพิเศษทำให้สามารถบรรทุกผู้โดยสารแบบอัดแน่นได้ถึงเที่ยวละ 30 คน เป็นอย่างน้อย ที่ชาวลาวกล้าเดินทางเข้าๆ ออกๆ แบบนี้ก็เพราะว่า พอถูกจับในข้อหาลักลอบหรือหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ก็จะถูกปรับเพียง 300 บาท แล้วฝ่ายไทยก็ไล่กลับหรือเนรเทศกลับเมืองลาวเท่านั้น ซึ่งถือเป็นเรื่องจิ๊บๆ ไปแล้วสำหรับแรงงานลาว
ที่น่าคิดก็คือ ตำรวจได้ตั้งด่านด่านใหญ่ ทุกอำเภอ และอำเภอตามรอยตะเข็บชายแดน ด้านทีมี่การขนแรงงานจากลาว ได้เข้มงวดหนักเป็นสองเท่า แต่ไม่เคยปรากฏมีข่าว การจับแรงงานเถื่อนเลย ทั้งๆที่ สื่อมวลชนเฝ้าติดตามมาโดยตลอด โดยเฉพาะที่ อ.เหล่าเสือโก้ก จ.อุบลฯ มีการตั้งด่านตรวจค้นแบบละเอียดยิบ ตั้งแต่รถมอเตอร์ไซค์ รถอีแต๋นยันรถสิบหกล้อ โดยตั้งกันทั้งวัน ฝนตก ฟ้าร้องก็ต้องตั้ง รถขนแรงงานเถื่อนคนลาวรอดพ้นด่านไปได้ยังไง???..
วอนควบคุมแรงงานเขมรล่านกแหล่งอนุรักษ์
สระแก้ว * นายสน สรจันทร์แดง เจ้าของสวนนกคลองมะละกอ เลขที่ 24 ม.18 ต.จากขวัญ อ.เมือง จ.สระแก้ว เปิดเผยว่า ในพื้นที่ป่าของตนจำนวน 15 ไร่ ได้ปล่อยให้เป็นแหล่งเพาะขยายพันธุ์นกอ้ายงั่ว และนกอีกหลายชนิดตามธรรมชาติ แต่ปรากฏว่ามักจะมีผู้มาลักขโมยล่านกเอาไปเป็นอาหารเป็นประจำ
ล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา เวลาประมาณ 22.00 น. ได้ยินเสียงสุนัขเห่าแบบผิดปกติ จึงเดินไปดูที่ชายป่าฝั่งตะวันตก ก็พบกับแรงงานชาวกัมพูชา 5 คน ในสภาพไม่สวมรองเท้า ติดไฟส่องสว่างที่ศีรษะ ใช้หนังสติ๊กยิงนกที่เกาะอยู่ตามต้นไม้ตกลงมาตายที่พื้นดิน เมื่อเห็นตนก็พากันวิ่งหลบหนีไป ซึ่งจากการตรวจดู พบนกที่ถูกยิงตายทั้งหมด 18 ตัว เป็นนกกระสาแดง นกแขวก นกกาน้ำ จึงแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านทราบ ส่วนนกทั้งหมดก็ต้องนำไปฝัง
นายสนกล่าวว่า รอบหมู่บ้านทุกวันนี้เต็มไปด้วยแรงงานชาวกัมพูชา มักจะลักลอบเข้ามายิงนกไปเป็นอาหารทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่รู้จะป้องกันอย่างไร เพราะรอบป่าเนื้อที่ 15 ไร่ไม่มีรั้วกั้น มีถนนลาดยางโดยรอบ ส่วนใหญ่จะเข้ามาอีกฝั่งหนึ่งของบ้าน จึงไม่รู้ นอกจากสุนัขจะเห่าแบบผิดปกติ ตนเองอยู่คนเดียว ไม่รู้ว่าจะไปดูแลอย่างไรไหว เพราะต้องออกไปทำไร่ด้วย จะไปห้ามก็กลัวว่าจะถูกทำร้าย
นายสนกล่าวด้วยว่า อยากถวายสวนนกนี้แด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อจะได้มีหน่วยงานเข้ามาดูแล แต่ติดเป็นที่ ส.ป.ก. ไม่รู้จะทำอย่างไร ตนเองก็อายุมากขึ้นทุกวัน อยากให้หน่วยงานราชการ ชุมชนมาช่วยอนุรักษ์นกหายากของประเทศให้อยู่ต่อไป และถ้าเป็นไปได้ แรงงานเขมรอย่ามาสร้างความวุ่นวายให้กับชาวบ้านด้วย.