สวัสดีครับ

         สวัสดิการดังกล่าว  สามารถทำประกาศเพิ่มเติมได้ครับ   เหมือนการออกกฎหมายลูกมาบังคับใช้นั่นแหละครับ

ยิ่งถ้าไม่ได้ระบุรายละเอียดไว้ยิ่งเป็นการดี    เนื่องจากบริษัทฯ จะสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม 

ตามสภาวะเศรษฐกิจ  ของบริษัท ฯ

         การออกประกาศสวัสดิการดังกล่าว   ให้ระบุหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่าย และการยกเลิกเปลี่ยนแปลง

หรือแก้ไข ไว้ด้วยนะครับ  อย่าไปกำหนดตายตัว  เพราะหากไม่มีเงื่อนไขหรือหลักเกณฑ์การจ่าย  หรือไม่มีเงิ่อนไข

หรือเงิ่อนเวลาในการยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงประกาศดังกล่าว   อาจกายเป็นสภาพการจ้างที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้

เว้นแต่จะมีการยื่นข้อเรียกร้องหรือตกลงกันระหว่างนายจ้างลูกจ้าง ให้มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไข

หากประกาศไม่ได้ระบุระยะเวลาในการจ่ายในอัตราใหม่ เพียงแต่บอกแค่ว่าอัตราใหม่ให้มีผลจ่ายตั้งแต่เดือน....เป็นต้นไป อย่างนี้ จะมีปัญหาภายหลังรึเปล่าคะ

กำหนดเวลาจ่ายนับตั้งแต่เดือน..............  เป็นต้นไป  ถือว่ากำหนดนับตั้งแต่วันแรกของเดือน

ถือว่ากำหนดเวลาเริ่มต้นบังคับใช้แล้วครับ    ใช้ได้  

ปัญหาภายหลัง  คือปัญหาอะไร  คงต้องดูเป็นเรื่อง ๆ ไปครับ  ว่า เป็นปัญหาในประเด็นอะไร

สอบถามเพิ่มอีกข้อค่ะ

เนื่องจากเมื่อก่อนมีพนักงานบางคนเคยได้รับค่าเช่าบ้าน 500 แล้วถูกนำไปบวกเข้าฐานเงินเดือน (หลายปีแล้ว) ต่อมา เมื่อมีการปรับค่าเช่าบ้านขึ้นเป็น 1000 ก็จะปรับให้พนักงานคนนี้ด้วย แต่จะปรับให้เฉพาะส่วนต่างคือ 500 (รวมกับของเดิมที่ถูกรวมเข้าฐานเงินเดือนแล้ว 500 ก็จะเป็น 1000 พอดี)

แต่มีปัญหาค่ะ คือกลัวว่าในอนาคตจะลืมว่าทำไมพนักงานคนนี้ถึงมี่ค่าเช่าบ้านแค่ 500 (ตัวที่ปรับเพิ่มใหม่) ดังนั้น เราจะสามารถดึงค่าเช่าบ้านที่อยู่ในฐานเงินเดือนกลับออกมาอยู่ในหมวดค่าเช่าบ้านเหมือนเดิมได้ไหมค่ะ พอบวกที่ปรับเพิ่มเข้าไป ก็จะเป็นเลข 1000 พอดี หรือว่าต้องทำบันทึกอะไรให้พนักงานเซ็นต์ยินยอมเพิ่มเติมคะ

สวัสดีครับ

           ค่าเช่าบ้านที่ว่าเป็นฐานเงินเดือน   จ่ายพร้อมเงินเดือน   เวลาคำนวณโอที  และส่งประกันสังคม 

นำเป็นฐานในการคำนวณด้วยหรือไม่

          ถ้าเป็นอย่างนั้น  ค่าเช่าบ้านส่วนแรก 500  บาท  ถือเป็นค่าจ้าง และเป็นสภาพการจ้างไปแล้วครับ 

การจะแยกออกมาเป็นสวัสดิการ   ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบ   ไม่เป็นคุณแก่ลูกจ้าง     

          สรุปว่า 500 บาทแรก  ดึงไม่ได้ครับ    ในทางปฏิบัติ  อาจรอให้มีการปรับค่าจ้างครั้งต่อไป  และหาก

การปรับค่าจ้างไม่ได้มีข้อตกลงว่าต้องปรับเท่าไหร่อย่างไร  เป็นดุลยพินิจของนายจ้างที่จะพิจารณาปรับหรือไม่

          อาจใช้วิธี  ปรับค่าเช่าบ้านให้แทนการปรับค่าจ้างให้พนักงานคนนี้  เป็นกรณีพิเศษ  และชี้แจงให้พนักงานเข้าใจ 

ถึงสาเหตุและความจำเป็นในการปรับ    หรือหากมีการปรับค่าจ้างสูงกว่า 500  บาท   ก็สามารถแยกจำนวนเงินในการปรับได้

โดยแยกปรับค่าเช่าบ้านให้ตรงตามจำนวนที่ถูกต้อง   ส่วนที่เหลือเป็นค่าจ้างใหม่ที่ปรับ   และอธิบายชี้แจงให้พนักงานเข้าใจ

ลงชื่อรับทราบและยินยอมในการปรับค่าเช่าบ้านและค่าจ้างดังกล่าวได้ครับ

        ข้อควรระวัง  คือ มีข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง  เรื่องการปรับค่าจ้างหรือ การปรับค่าเช่าบ้านหรือไม่   หากมีจะปรับหรือ

แก้ไขในทางที่แตกต่างหรือขัดแย้งกับข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างดังกล่าวไม่ได้